หนุ่มโพสต์รีวิวการกักตัวโดยรัฐ state quarantine 14 วัน กับการเดินทางกลับจากการไปเรียนที่ญี่ปุ่น
สถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดยังคงวิกฤตอยู่ในหลายประเทศบางประเทศกลับมาระบาดรอบสอง ส่วนประเทศไทยนั้นสถานการณ์ดีขึ้นมากโดยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศมา 3 สัปดาห์ จะพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ผู้ป่วยทั้งหมดจะถูกกักตัวอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ (State Quarantine) รวมถึงผู้ที่ต้องรอดูอาการ 14 วัน
ซึ่งคนไทยในต่างประเทศในช่วงนี้เริ่มทยอยกันกลับประเทศไทยทำให้ต้องมีมาตรคุมเข้มเป็นพิเศษ ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Tun Wisawas ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมรีวิวบรรยายทุกขั้นตอนการกักตัวโดยรัฐ state quarantine หลังเจ้าตัวกลับจากประเทศญี่ปุ่นโดยระบุว่า...
รีวิวการกักตัวโดยรัฐ state quarantine 14 วัน กับการเดินทางกลับจากการไปเรียนที่ญี่ปุ่น
กลับโดยเที่ยวบินพิเศษของสายการบิน ANA เที่ยวบินที่ NH847 วันที่ 16 มิถุนายน 2563
เอาล่ะกินข้าวเสร็จในห้องกักตัววันแรกแล้วนั่งว่างๆ ก็เลยมาเขียนเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน
อีกอย่างก็ไม่ได้เขียนอะไรมานานแล้ว หลายคนอาจจะคิดถึงกัน
จะขอเล่าตั้งแต่ตอนออกจากสนามบินที่ญี่ปุ่น จนถึงห้องกักตัวเลย ไหนๆ เราก็มีโอกาสได้รับประสบการณ์อันหายาก ที่ใช่ว่าทุกคนจะมีกันเสียเมื่อไหร่
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ของผมโดยเฉพาะพวกที่ชอบอยากรู้อยากเห็นนะครับ
ผ่านทุกอย่างตามปกติก็มารอขึ้นเครื่อง
เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินพิเศษที่สถานทูตจัดให้ เดือนนี้มีแค่ 3 เที่ยวบิน เที่ยวนี้เป็นเที่ยวที่ 2 อีกเที่ยวคือปลายเดือนเลย เราต้องกลับเที่ยวนี้แหละ เพราะอีก 10 วันวีซ่าจะหมดแล้ว
เล่าขั้นตอนนิดนึงว่า ไม่ใช่มีเงินซื้อตั๋วแล้วกลับได้เลย แบบเรารวยใช้เงินฟาดนั่งชั้นบิสซิเนสกลับไรงี้ คือเราต้องไปลงทะเบียนกับสถานทูต รอเมล์ ตอบกลับ จากนั้นไปซื้อตั๋วของเดือนหน้า ส่งไปให้สถานทูตเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน เซ็นเอกสารยินยอมกักตัว จากนั้นก็นู่นนั่นนี่...ขี้เกียจเล่าละ ขอข้ามไปเลยเพราะมันยาว
สรุปเลยว่าถ้าจะกลับไปต้องมีเอกสารหลายอย่าง ต้องใบรับรองแพทย์ที่ญี่ปุ่น ก็คือเสียเงินยุ่บยั่บทุกขั้นตอน แต่เราไม่หวั่น เพราะตอนนี้ Bangkok is calling หนูอยากกลับบ้าน
ขึ้นเครื่องตอน 10.20 น. ก็นึกว่าจะมีการนั่งที่เว้นที่ มี social distancing อีก ที่ไหนได้ คนเต็มทุกที่นั่ง แน่นทั้งลำ
อ่ะเคร นั่งแขนเบียดกับคนข้างๆ คนที่ไม่รู้จัก และยินดีที่ไม่รู้จัก
แต่เราเข้าใจสายการบิน เค้าไม่ได้ทำการกุศล การบินมันก็ต้องมีต้นทุน แค่เราได้มีโอกาสกลับก็ดีแล้ว ถ้าอะไรจะติดมันก็ต้องติด
แต่คิดในใจ ถ้าเราเป็นคนดีจิตใจเราสะอาด ไวรัสก็ไม่น่าทำอะไรเราได้
รูปนี้เป็นภาพตอนถึงไทยแล้วจะลง คือเวลาลงเค้าจะเรียกลงทีละคน ทีละแถว เราก็งงใจว่าคนจะลุกขึ้นมาเอากระเป๋าออกจากช่องเหนือศีรษะแล้วยืนกันทำไม บอกฉันที ลงช้าลงเร็วก็กักตัวเหมือนกันอยู่ดี
จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องมาบอกให้นั่งที่เดิม
ลงจากเครื่องก็เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นั่งเรียงกันเป็นแถว
เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารคือป้องกันกันดีมาก ยืนกันหลายสิบคน คุมกันละเอียดยิบ ตั้งแต่ลงเครื่องละ ยืนคุมตลอดแนว แบบไม่ให้เล็ดลอดสายตา
สวมชุดป้องกันกันเต็มที่ ล้างมือ เช็ดมือ เช็ดแอลกอฮอล์กันตลอด อย่าว่าแต่เชื้อโรคเลยที่จะเข้ามาได้ อากาศก็ไม่น่าเข้าได้ด้วยอ่ะ นับถือในความอดทน
คือถ้าเราเป็นเชื้อโรคที่มาจากต่างประเทศแล้วหวังว่าจะเอามาแพร่กระจายติดคนไทยเนี่ย ก็คงต้องมีท้อแท้อ่ะ อะไรมันจะคุมเข้มขนาดนี้ อันนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และรัฐที่จัดการเป็นอย่างดี
คือนี่ถ้าเป็นเชื้อโควิดคงขอนั่งเครื่องกลับไปหากินที่ญี่ปุ่นต่อดีกว่า อยู่ไทยไม่น่ารอด
เจอด่านวัดไข้กันอีกรอบของผมวัดรอบแรกเจ้าหน้าที่มองตัวเลขแล้วทำหน้าเหมือนตกใจ ขอวัดอีกรอบ ผมนี่ใจแป้วเลย กลัวแจ็คพ็อตแตกวัดรอบสองได้ 36.6 องศา โอเครอด
จากนั้นก็ผ่าน ตม ไปรอรับกระเป๋า มีจุดบนพื้นให้ยืนห่างๆ กัน แต่ผู้โดยสารก็ห่างมั่งชิดมั่งเออ ก็แล้วแต่
รับกระเป๋าเสร็จออกมาขึ้นรถบัสเพื่อส่งไปกักกัน อันนี้เด็ด เอากระเป๋าเดินทางมาพ่นๆ เดาว่าน่าจะเพื่อฆ่าเชื้อโรค
แต่เดี๋ยวก่อน เค้าพ่นแต่กระเป๋าเดินทาง แต่เป้สะพายหลังไม่พ่น?เอาล่ะ อย่าสงสัยมาก รีบขึ้นรถดีกว่า อยากกักตัวแล้ว
ขึ้นมาบนรถนั่งตามสบาย ใครใคร่นั่งเดี่ยวนั่ง ใครใครนั่งคู่นั่ง ใครใคร่จะกลับบ้านเจอโทษปรับ 1 แสน จำคุก 1 ปี
มาถึงสถานที่กักตัวแล้ว ผมคิดว่าเค้าน่าจะจัดให้เที่ยวบินเดียวกันมากักตัวที่เดียวกันหมด แล้วแต่ว่าเที่ยวบินไหนจะได้ไปกักที่ไหน ใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่วาสนาและบุพเพจะพาเราไป
รอบของผมได้มากักตัวที่โรงแรม The Bazaar รัชดา เป็นโรงแรมสี่ดาว แต้มบุญน่าจะยังพอมีอยู่
เออดี ถิ่นเราเลยแถวนี้ คอนโดเก่าเดอะรูมอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย โรงเรียนสอนพิเศษเก่าก็อยู่แถวนี้
ลงจากรถวัดไข้กันอีกรอบ วัดไปวัดมาจากไม่มีไข้จนไข้จะขึ้นอยู่แล้ว
ก่อนเข้ามีเอารองเท้าจุ่มแอลกอฮอล์อีกรอบเฮ้อ ท้อแทนเชื้อโรค
ด้านในมีเจ้าหน้าที่เป็นนายทหารยศพลตรีคอยอธิบายสิ่งต่างๆ อันนี้ต้องชมอีกรอบ ว่าท่านอธิบายดี พูดสุภาพ คนถูกกักตัวอย่างเราก็อุ่นใจ
ทุกคนที่มากักตัวจะได้พักห้องเดี่ยว ยกเว้นสามีภรรยา หรือพ่อแม่ลูกที่พักด้วยกันได้
ลงทะเบียนเสร็จ เค้ามีอาหารเย็นใส่ถุงเตรียมแจกไว้เป็นชุดหยิบได้เลยมีม้ามาคอยต้อนรับให้กำลังใจด้วย
ได้รับเอกสารคู่มือการปฏิบัติตัวตลอด 14 วันนี้ ได้รับเบอร์ห้อง ได้รับเสบียงก็เตรียมขึ้นห้องได้ ทุกอย่างเป็นระบบระเบียบเรียบร้อยดีมาก
เปิดประตูห้องถึงกับต้องร้อง! เพราะห้องดีมาก? เออ ใช่สิ ห้องมันดีมากกกกกก นึกว่าจะเล่นมุกละดิ เสียใจด้วย นี่ไม่ใช่เวลามาฮา นี่มากักตัว
คือห้องหรูหรากว่าที่คิด กว้างขวาง แอร์เย็นฉ่ำ มีอ่างอาบน้ำด้วย
ทุกอย่างคือทางรัฐจัดให้ทั้งหมดฟรีหมดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรีหมดโดยไม่มีอะไรกั้น ชั้นร้องกรี๊ดเลย
ทุกอย่างคือเตรียมให้พร้อม น้ำดื่มมาเป็นแพ็ค
ระหว่างกักตัวคือออกไปไหนไม่ได้เลย กินข้าวต้องล้างจานเอง ซักผ้าเอง ตากในห้องน้ำ
อาหารเย็นที่ได้รับ เน้นผักไม่เน้นเนื้อ ของหวานเป็นสับปะรดฉ่ำๆ
มีกรุ๊ปไลน์ไว้ติดต่อแจ้งข่าวสารกันด้วยมีอาหารเตรียมให้ 3 มื้อต่อวัน
ปล. ในกรุ๊ปมีแต่คนบ่นเรื่องไวไฟเล่นไม่ได้ ก็คือเล่นไม่ได้จริง ช้ามาก แต่ผมไม่มีปัญหา เพราะคาดการไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เลยสมัครแพคเกจอินเตอร์เน็ตแบบไม่อั้น จากซิม AIS ที่มีอยู่แล้วไว้ตั้งแต่ที่ญี่ปุ่น นี่แหละคนรอบคอบ
จากนี้ทั้งยูทูป ทั้งเน็ตฟลิก เพลินๆ ตลอดการกักตัว
ใครอยากกินอะไรเพิ่มมีเซเว่นให้สั่งทางไลน์ แล้วเค้าจะเอามาส่งเป็นรอบๆ ที่กักตัวหรือ vacation อ่ะ
สรุปคือ ทุกอย่างดีงามมาก ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย พร้อมอยู่ยาว 14 วัน ซึ่งเค้าจะมีการตรวจหาเชื้ออีก 2 รอบ ที่ผ่านมาคนที่มากักตัวที่นี่ไปแล้วกว่า 1,000 คนยังไม่มีคนติดเชื้อเลย ก็ภาวนาว่าเราเองจะรอดปลอดภัยเช่นกัน
ขอบคุณทางภาครัฐและเจ้าหน้าที่ทุกคนอีกครั้งที่ทำงานเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
หวังว่าการรีวิวครั้งนี้คงจะมีประโยชน์กับคนที่อยากรู้อยากเห็น และไม่มีโอกาสดีๆ แบบข้าพเจ้า ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อ
ทนอีกหน่อยเพื่อส่วนรวม เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ววว
CR : Tun Wisawas