ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 กรณีไม่ไปใช้สิทธิตามมาตรา 35 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและมิได้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หรือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วแต่เหตุนั้นมิใช่ เหตุอันสมควร ผู้นั้นถูกจำกัดสิทธิ ดังนี้
1.ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง สส.
2.สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็น สว.
3.สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องถิ่น
4.ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา
5.ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมาย ว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ทั้งนี้ การจำกัดสิทธิให้มีกำหนด เวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไป ใช้สิทธิเลือกตั้ง และหากในการเลือกตั้งครั้งต่อไปผู้นั้น ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิ ครั้งหลังนี้ โดยนับจากวันที่มิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่ หากกำหนดเวลาการจำกัดสิทธิครั้งก่อนยังเหลืออยู่เท่าใด ให้กำหนดเวลาการจำกัดสิทธินั้นสิ้นสุดลง
ขณะเดียวกันถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ได้ระบุวิธีการป้องกันไม่ให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง มาตรา 33 ในการเลือกตั้งครั้งใด ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่อาจไปใช้สิทธิ เลือกตั้งได้เนื่องจากมีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ ให้แจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อบุคคลซึ่ง คณะกรรมการแต่งตั้งไว้ในแต่ละเขตเลือกตั้งภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง แต่ถ้ามีเหตุไม่สามารถอาจแจ้งได้ภายใน 7 วันก่อนเลือกตั้ง ให้ดำเนินการแจ้งตามที่คณะกรรมการกำหนด