svasdssvasds

ทำความรู้จัก ยา Antibody Cocktail หนึ่งในยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19

ทำความรู้จัก ยา Antibody Cocktail  หนึ่งในยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19

แพทย์เตรียมรับมือสถานการณ์​โควิด​ หลังคลายล็อคดาวน์​ เปิดเมือง​รับ​นักท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ก็ได้มียาที่เป็นนวัตกรรมใหม่เข้ามา และที่ได้รับความสนใจอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ก็คือ ยา Antibody Cocktail

หลายคนคงได้ยินชื่อ ยา Antibody Cocktail กันมากขึ้น ซึ่งเป็นยาใหม่ หนึ่งในยารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ในขณะนี้ ถึงประสิทธิภาพในการรักษา ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรุนแรง ใช้เวลาไม่นาน ช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ป้องกันวิกฤติเตียงเต็มทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

ยา Antibody Cocktail ยังเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในกลุ่มเสี่ยง อย่าง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคไต โรคเบาวาน โรคหัวใจ ฯลฯ อีกด้วย ซึ่งยา Antibody Cocktail  เป็นนวัตกรรมการรักษา ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และอังกฤษ ตอนนี้ยา  Antibody Cocktail  ได้มีใช้ในสถานพยาบาลหลายๆ แห่งในประเทศไทยแล้ว เรามาทำความรู้จักยา Antibody Cocktail ให้มากขึ้น กับ นพ.น๊อต เตชะวัฒนวรรณา ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์โรคไต โรงพยาบาลพระราม 9 กันดีกว่า

นพ.น๊อต เตชะวัฒนวรรณา ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์โรคไต โรงพยาบาลพระราม 9

Q : ยา Antibody Cocktail คืออะไร

A : ยา Antibody Cocktail  เป็นยาที่นำมาใช้รักษาโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ เป็นยาที่สังเคราะห์เลียนแบบมาจากภูมิต้านทานหรือ  Antibody จากร่างกายของคนป่วยโควิด-19 ที่สร้างขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส เป็นยาที่ยับยั้งไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ จะทำให้ปริมาณไวรัสลดลง ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะปอดอักเสบซึ่งจะนำไปสู่ภาวะการหายใจล้มเหลวนำไปสู่การเสียชีวิต เป็นยาที่นำมาใช้ตั้งแต่อาการคนไข้ยังไม่หนัก เพื่อไม่ให้คนไข้มีอาการเพิ่มมากขึ้น

ยา Antibody Cocktail

Q : คุณหมอมีการใช้ยา Antibody Cocktail รักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นจำนวนประมาณกี่คนแล้ว? และยาชนิดนี้เหมาะกับคนไข้แบบไหน?

A : ยานี้เป็นยาใหม่ล่าสุด ทางโรงพยาบาลพระราม 9 มีโอกาสใช้มาประมาณ 1 เดือน กับคนไข้ประมาณ 20 กว่ารายแล้ว สำหรับข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Antibody Cocktail จะใช้ในกลุ่มที่อาการเล็กน้อยถึงปานกลางหรือคนไข้กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงในอนาคต เช่น ผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว อย่าง โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ หรือคนที่ได้รับยากดภูมิต้านทานหรือโรคมะเร็ง คนไข้ที่มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ซึ่งกลุ่มนี้จากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ของคุณหมอที่ผ่านมา จะรู้ว่าถ้าอาการรุนแรงก็จะตามมาด้วยภาวะการหายใจล้มเหลวจากนั้นก็จะตามมาด้วยการเสียชีวิต ถ้าเรารู้ว่าคนไข้เป็นกลุ่มเสี่ยงแล้วให้ยา Antibody Cocktail  ก็จะช่วยลดอาการไม่ให้รุนแรงขึ้น

Q : ผลการรักษาในผู้ป่วยเป็นอย่างไรบ้าง?

A : ในแง่ผลการรักษา ตัวผมเองและทั้งแพทย์ในโรงพยาบาลพระราม 9 ได้ให้ยาคนไข้ไป 20 กว่าราย ได้มีการวิเคราะห์ผลเมื่อเปรียบเทียบกับอดีตก่อนที่จะมียาตัวนี้ พบว่าคนไข้ทุกรายที่เราให้ยา ไม่มีเคสไหนเลย ศูนย์เคส ที่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน ซึ่งเป็นการรักษาที่คุณหมอทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ในกรณีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงแบบนี้ ในอดีตที่ผ่านมาคนไข้บางส่วนหรืออาจจะไม่ทุกคนมีอาการหนัก อาจจะต้องเข้าไอซียู แต่ในกลุ่มที่เราให้ไม่มีใครต้องเข้าไอซียูเลย คนไข้ก็จะได้กลับบ้านเร็วขึ้นด้วย

Q : ถ้าเทียบกับการรักษาเมื่อก่อนที่ยังไม่มียา Antibody Cocktail ผลการรักษาต่างกันอย่างไร?

A : อันดับแรกเลยด้วยกลไกการออกฤทธิ์ของยา Antibody Cocktail ถ้าเราสามารถตรวจพบเชื้อแล้วให้ยาเลยทันที พบว่าหลังจากที่ให้ยาไปแล้ว คนไข้อาจจะมีไข้อยู่ในช่วง 1-2 วันแรก ตามการดำเนินโรค โดยปกติแล้ว 5-7 วัน คนไข้ที่ไม่เคยได้ยาตัวนี้ในอดีตก็มักจะมีอาการหนักขึ้น เช่น ออกซิเจนเริ่มตก เดินแล้วเริ่มเหนื่อย แต่ว่าในคนไข้ที่ได้ยา Antibody Cocktail ไปแล้ว คนไข้ก็จะอาการดีวันดีคืน ประมาณ 5-7 วัน เราเตรียมวางแผนให้คนไข้กลับบ้านได้เลย พอถึงจังหวะที่เหมาะสมเราตรวจเลือด เอ็กซ์เรย์ปอด หรือคนไข้ไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเอ็กซ์เรย์ปอดหรือปอดติดเชื้อเราก็จะให้คนไข้กลับบ้านได้เลย ผลการรักษาก็ถือว่าดีมาก

Q :  เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายการรักษาด้วย ยา Antibody Cocktail  แล้วลดความรุนแรงของผู้ป่วยไปได้ กับการที่ผู้ป่วยบางรายต้องเข้าไอซียูยาวๆ รักษาเหมือนเมื่อก่อน คุณหมอสามารถให้รายละเอียดความแตกต่างด้านค่าใช้จ่ายได้ไหม

A : อันนี้ผมคิดว่าหลายๆ ท่าน หลายๆ บ้าน อาจเคยมีประสบการณ์ที่คนที่บ้านเข้าไอซียู แล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ต้องอยู่โรงพยาบาลนาน รวมทั้งพอหายแล้วก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ ต้องเสียค่ารักษาในการจะฟื้นฟู ทำให้คนไข้กลับมาหายใจอย่างเป็นปกติ ต้องมาพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง ถ้าเทียบเป็นการรักษาทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ผมคิดว่าถ้ารักษาด้วยยาตัวนี้น่าจะคุ้มกว่าด้วยราคายาที่ไม่แพงจนเกินไป แล้วก็ด้วยระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลที่สั้นลง คนไข้หายป่วยเร็ว กลับบ้านเร็ว ไม่เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสมมุติว่าคนไข้อาการหนักขึ้นจากการที่เราไม่ได้ยาตัวนี้ คนไข้มักจะต้องได้รับยาตัวอื่นซึ่งมีราคาแพงใกล้เคียงกับยาตัวนี้  รวมทั้งอาจต้องรับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ ในหลายๆ คนหลังจากให้ยาสเตียรอยด์ไปแล้ว คนไข้ก็มักจะมีภาวะเบาหวาน ภาวะติดเชื้อง่าย มีภาวะติดเชื้อรา หรือเชื้อพยาธิบาง จากประสบการณ์มากมายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าถ้ากลุ่มไหนที่อายุเยอะ หรืออาการรุนแรงขึ้นลงท้ายมักจะไม่ค่อยดี แล้วก็มีค่ารักษาเป็นหลายล้านก็มี

จากการที่เราดูผลการรักษาในต่างประเทศมาแล้วก็มาใช้เอง เรารู้สึกว่ามันได้ผลจริงๆ มันช่วยให้คนไข้ลดโอกาสไปสู่ระยะอันตราย  หลายคนคงมองเรื่องความปลอดภัยหรือเรื่องชีวิตสำคัญที่สุด แต่เรื่องค่ารักษาก็สำคัญ ถ้าคนไข้แม้ว่าจะรักษาหายแต่ต้องอยู่โรงพยาบาลนานรวมทั้งจะต้องมาฟื้นฟูอีก ค่ารักษาในระยะยาวมันจะสูงกว่าเยอะ มากกว่ากว่าการที่เราจะสามารถตัดวงจรที่ให้คนไข้อยู่โรงพยาบาลนาน รวมทั้งต้องมาฟื้นฟูอีก ค่ารักษาในระยะยาวมันจะสูงกว่ามาก ดูภาพรวมแล้วการให้ยา Antibody Cocktail  น่าจะคุ้มค่ากว่า

คลายล็อค

Q :   หลังจากคลายล็อกช่วงนี้มีความน่าเป็นห่วงเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างไร?

A : ถ้าในอนาคตมีการเปิดเมือง มีการที่นักท่องเที่ยวเข้ามา มีการเปิดโรงเรียน คิดว่าคนไข้ก็อาจจะไม่หมดไปได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะที่มีโรคประจำตัวต่างๆ  ถึงแม้ว่าจะเคยได้รับวัคซีนมาบ้าง ในระยะยาวก็ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้อยู่ อย่างที่เราทราบกันว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์  แล้วก็ในกลุ่มเปราะบาง อย่างเช่น คนไข้ที่ได้กินยากดภูมิก็อาจจะมีโอกาสที่อาการหนักขึ้น ผมคิดว่าเราก็คงต้องเฝ้าระวังกันอยู่ ประมาทไม่ได้ว่าเคสมันน้อยลงแล้ว โดยเฉพาะถ้าเราเปิดเมืองแล้ว เราก็ต้องเฝ้าระวัง

Q :  การรองรับผู้ป่วยโควิดปัจจุบันเป็นอย่างไร ในขณะที่มียารักษา Antibody Cocktail เข้ามาแล้ว

A :  ตอนนี้ก็ยังมีพอนะครับ ยากับการรองรับคนป่วยซึ่งในช่วงนี้ถือว่ายังมีพอ ยังไม่ขาดแคลน  แต่ในระยะยาวก็ต้องดูว่าจำนวนคนไข้จะมีมากขึ้นไปกว่านี้หรือเปล่า

ยา Antibody Cocktail

Q :  ประชาชนสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องการรักษาโดยยา Antibody Cocktail นี้ได้จากที่ไหน

A : จริงๆ แล้วยาตัวนี้มีอยู่ในโรงพยาบาลหลาย 10 แห่ง โดยโรงพยาบาลพระราม 9 ของเรา ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับยา Antibody Cocktail ในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล www.praram9.com มีข้อมูลในเรื่องของกลไกการออกฤทธิ์ ผลข้างเคียงต่างๆ รวมทั้งวิธีการที่จะรักษาถ้าคนไข้ติดเชื้อแล้ว ใครอยากรู้วิธีการรักษาก็สามารเข้ามาดูในเว็บของโรงพยาบาลพระราม 9 ได้

Q :  ในต่างประเทศ มีการใช้ยา Antibody Cocktail ในผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ บ้างไหม เพราะประเทศไทยได้อนุมัติให้ใช้ผู้ป่วยที่เสี่ยงสูง ที่จะเกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรงจากเชื้อโควิด เช่น  ผู้สูงอายุ โรคอ้วน โรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ

A :  ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ และในหลายๆ  ประเทศก็ได้มีการใช้ยากลุ่มนี้มาก่อนหน้าเรา อย่างในอเมริกาใช้มา 1 ปี ญี่ปุ่นก็ใช้ได้หลายเดือนแล้ว ถือว่าเป็นยา 1 ใน 4 ยาหลักของญี่ปุ่นเลยที่เขาใช้ในการรักษาโควิด ข้อบ่องชี้ในการใช้ก็เช่นเดียวกัน  ยกตัวอย่าง ในญี่ปุ่นก็จะใช้ในคนไข้ที่เริ่มมีอาการมา  2-3 วัน แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว กลุ่มที่จะอาการหนักขึ้นก็จะมีการให้ยาตัวนี้ ในญี่ปุ่นก็ใช้ในกลุ่มที่อยู่ใน  HOSPITEL ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลก็ใช้

Q :  สำหรับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อย่าง ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว หากมีอาการสังสัยว่าเป็นโควิด-19 ควรทำอย่างไร?

A : แนะนำว่าเนื่องจากเรามียาที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว แต่ต้องให้รวดเร็ว คือต้องให้ตอนเป็นใหม่ๆ ไม่ควรที่จะรอให้อาการเป็นหนัก เมื่อไรที่เรามีไข้ มีอาการเป็นคล้ายๆ หวัดในช่วงนี้โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุ คิดว่าเราอาจจะมีโอกาสติโควิด-19 ได้ แนะนำว่าให้รีบตรวจให้เร็วที่สุด อาจจะตรวจ ATK ที่บ้าน หรือมาตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อที่ได้จะรับยาโดยที่ไม่ช้าจนเกินไป เพราะว่าโดยข้อมูลในปัจจุบันถ้าเราให้ยาช้าไปแล้วจนคนไข้ต้องให้ออกซิเจน มันก็จะได้ผลน้อยลงหรือไม่ได้ผลเลย อันนี้ก็อยากจะขอเชิญชวนคนที่มีความเสี่ยง เช่น อายุมาก เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต หรือถ้ามีอาการสงสัยว่าเป็นโควิด ให้รีบวินิจฉัยให้เร็วที่สุดในสถานพยาบาล ถ้ามีโอกาสก็คงต้องคุยกับแพทย์ผู้ดูแลเรื่องความเหมาะสมในการใช้ยาหรือความจำเป็นในการใช้ยา Antibody Cocktail

Q :  ถ้าผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง พบว่าติดเชื้อโควิด-19  อยากใช้ยา Antibody Cocktail ต้องทำอย่างไร?

A :  อยากจะให้แจ้งแพทย์โดยตรงว่า ในปัจจุบันนี้ทางผู้ป่วยได้รับข้อมูลข่าวสารมาแล้วก็มีข้อมูลที่ทันสมัย เราก็สามารถที่จะคุยกับแพทย์ได้ ได้ยินมาว่าตอนนี้มียาตัวนี้เข้ามาในประเทศไทยแล้ว เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า เราจำเป็นที่ต้องได้รับยาตัวนี้หรือเปล่า สามารถสอบถามแพทย์ได้ แล้วก็ยาตัวนี้ก็ค่อนข้างกระจายไปในวงกว้างพอสมควร ผมคิดว่ายาตัวนี้มีในหลายๆ ที่แล้ว ท่านสามารถที่จะสอบถามได้โดยตรง ในส่วนของโรงพยาบาลพระราม 9 ก็ยินดีให้ข้อมูล หากคนไข้อยากมารักษาที่โรงพยาบาลพระราม 9 หรือว่าจะไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นๆ ก็สามารถสอบถามในเรื่องการใช้  Antibody Cocktail มาที่โรงพยาบาลพระราม 9 ได้ เรายินดีให้ข้อมูลทุกอย่างครับผม

Q :  แนวทางการรักษาในอนาคตของยาตัวนี้ในความคิดคุณหมอ

A : จากประสิทธิภาพที่ในต่างประเทศได้ใช้มาแล้วพบว่า ยาตัวนี้สามารถป้องกันให้คนไข้ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะอาการหนักลงหรือว่าเสียชีวิตได้ 70 %  ถามว่า 70 %  นี้เป็นตัวเลขที่เยอะมาก จริงๆ  มากกว่ายาที่เรากำลังพูดถึงกัน อย่าง ยา  Molnupiravir  ที่กำลังจะออกมาในไม่นานนี้  อันนี้ป้องกันได้ 50%  แต่ยา Antibody Cocktail  ป้องกันได้ 70% เพราะฉะนั้น แนวทางการรักษาในอนาคต กลุ่มเสี่ยงจริงๆ  อย่าง  อายุมาก แล้วก็มีโรคประจำตัวเยอะๆ  ยา Antibody Cocktail  ก็น่าจะเป็นแนวทางแรกๆ  ของผู้ป่วย ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมาใหม่ๆ  ส่วนคนที่มีอาการรุนแรงแล้วในอนาคตก็คิดว่าน่าจะมียาอื่น รวมทั้งยาตัวนี้ด้วยที่มีการศึกษามากขึ้นว่า เราต้องให้ยาอะไรบ้างที่จะช่วยลดอัตราความรุนแรงและการเสียชีวิตของผู้ป่วย

Q :  ยา  Antibody Cocktail  ต่างจาก ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)  ยาฟ้าทะลายโจร  หรือยาอื่นๆ อย่างไร?

A :  ยาที่เรารู้จักกันดี อย่าง ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)  ที่มีการใช้กันมาหลายเดือนแล้ว อย่างคุณหมอหลายๆ ท่านที่ดูแลคนไข้จะพบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือแม้แต่ฟ้าทะลายโจร ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง โดยมากแล้ว คนไข้ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงก็มักจะเอาไม่อยู่ เพราะว่ายาฟาวิพิราเวียร์หรือฟ้าทะลายโจร ไม่ได้เฉพาะ เจาะจงต่อเชื้อไวรัส ยา Antibody Cocktail เป็นยาที่สังเคราะห์ Antibody ที่จำเพาะเจาะจงกับไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ยาตัวนี้จะไปจับตัวไวรัสไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ และถ้าดูจากกลไลการออกฤทธิ์แล้ว ก็จะนึกออกว่าทำไมประสิทธิภาพของยาตัวนี้ถึงสูงกว่ายาตัวอื่น เพราะว่า ยา Antibody Cocktail  มีความจำเพาะเจาะจงต่อเชื้อไวรัสโควิดนั่นเอง

Antibody Cocktail

Q :  ขั้นตอนการรักษาด้วยยา  Antibody Cocktail 

A :  จริงๆ  แล้วทางเลือกในการรักษาในปัจจุบันรวมทั้งในต่างประเทศนั้น ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเลย สามารถให้ยาแล้วรอดูอาการ กลับบ้านได้เลย โดยระยะเวลาการให้ยาประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ยามาแล้ว ควรจะสังเกตอาการอยู่ที่โรงพยาบาลแพ้ ถ้าเกิดไม่มีอาการข้างเคียงอะไร ก็ให้กลับไปทำ Home Isolation หรือกักตัวที่  HOSPITEL ก็ได้ โดยกลไกการทำงานของโรงพยาบาล เราจะมีการติดตามอาการของผู้ป่วยเป็นระยะ โดยเฉพาะ 24 ชั่วโมงแรกของการใช้ยาว่ามีอาการแพ้อะไรบ้าง ในกรณีที่คนไข้กักตัวที่บ้าน จะแนะนำให้คนไข้มาตรวจติดตามผลเอ็กซ์เรย์ปอด เจาะเลือด ในระยะเวลาที่แพทย์กำหนด 2-3 ครั้ง สำหรับโรงพยาบาลพระราม  9 เอง เราก็มีการวางแผนให้บริการเรียกว่า  Virtual  Hospital  คุณหมอที่ดูแลจะ  Video Call สอบถามอาการคนไข้ทุกวัน อย่างน้อยก็วันเว้นวัน เพื่อติดตามอาการ สอบถามว่าอาการหลังจากให้ยาแล้วเป็นยังบ้าง  ถ้าอาการเปลี่ยนแปลงหรือว่าแย่ก็สามารถเข้ามาแอดมิดได้ ซึ่งตอนนี้เราก็มีห้อง เครื่องไม้เครื่องมือ แพทย์ รวมถึงยาที่เหมาะสมอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมที่จะรักษาคนไข้ที่อาการรุนแรง ยา  Antibody Cocktail มีข้อดีก็คือ ให้ยาแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย

Q :  ยา Antibody Cocktail  มีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง

A :  ในต่างประเทศก็พบว่า จริงๆ แล้วก็มีอาการแพ้ มีแพ้แบบรุนแรงก็มี อาจมีอาการหอบเหนื่อย หรือมีอาการทางระบบหายใจได้ แต่ว่าในประสบการณ์ที่โรงพยาบาลพระราม 9 ใช้ยาตัวนี้มา ยังไม่มีเคสไหนเลยที่แพ้ มีแต่บางรายอาจจะมีอาการมึนศีรษะต้องนอนพัก อาจจะมีอาการความดันตกลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอาการแพ้อื่นๆ อาการแพ้รุนแรงเกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะฉะนั้นยา Antibody Cocktail  เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย เลยแนะนำให้ยาแล้วกลับบ้านได้เลยในวันนั้น

Q :  หลังจากรักษาด้วย ยา Antibody Cocktail  แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรA :  เนื่องจากคนไข้เมื่อได้ยา Antibody Cocktail  ไปแล้วเราก็ยังไม่ทราบว่าอาการจะรุนแรงขึ้นหรือเปล่า เพราะฉะนั้นก็ยังจำเป็นจะต้องมีการตรวจ เช่น การวัดออกซิเจนในขณะภาพรวม  ออกซิเจนขณะเดินออกกำลังว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ นอกเหนือจากการที่เราวัดไข้และดูอาการอื่นๆ หลังจากให้ยาแล้วการปฎิบัติตัวก็จะเหมือนเคสโควิดอื่นๆ คือเราก็ยังคงต้องระวังตัวแม้ว่าเราจะหายป่วยแล้วก็ตาม
คุณจิตรีย์ ทวีพรรุ่งสิทธิ์ ผู้มีประสบการณ์เข้ารับการรักษาด้วยยา Antibody Cocktail

Q :  อาการต้องสงสัยกก่อนจะพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และเพราะอะไรจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยยา Antibody Cocktail 

A : พี่ไปออกกำลังกายกลับมาที่บ้านรู้สึกมีอาการเจ็บคอ คิดว่าต้องเป็นโควิดแน่ รุ่งขึ้นก็ไปตรวจพบเชื้อ เข้ามาที่โรงพยาบาลก็เอ็กซ์เรย์ปอด เจาะเลือด Swab คุณหมอก็ได้โทรมาคุยว่า เราอยู่ในกลุ่มโรคที่เสี่ยงคือโรคไต ซึ่งโรคไตมีการเสียชีวิตมากที่สุดถ้าเป็นโควิดแล้ว หมอก็บออกว่าพอดีมี ยา Antibody Cocktail  ซึ่งเป็นยาตัวใหม่เข้ามาได้สองวัน เราควรจะฉีด หมอไม่อยากรับความเสี่ยงให้เราเป็นอาการหนัก อาการหรือผลข้างคียงของยาตัวนี้ก็อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเรารับได้ เราเป็นโควิดแล้ว มันไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วกับยา ถึงจะเป็นยาใหม่เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัว ก็เลยฉีดผ่านหลอดเลือดดำ ประมาณ 15-20 นาที แล้วเฝ้าดูอาการอีก 1 ชั่วโมง  พี่ไม่มีอาการอะไรเลย คนที่เป็นโรคก็ไม่ต้องกลัวยาตัวนี้เลย เพราะเราเป็นโควิดนี่ถือว่าสุดแล้ว ไม่ต้องกังวลว่ายาตัวใหม่ที่เข้ามาจะมีผลข้างเคียงอย่างไร

“ถ้าไม่ได้ยาตัวนี้คิดว่าเชื้อน่าจะลงปอดได้ สอดท่อหายใจ อย่างเพื่อนของพี่เหมือนกันทุกอย่าง แข็งแรงกว่าพี่ ไตไม่ได้เป็นอะไร แต่เขาเชื้อลงปอด 25 % แต่ไม่ได้สอดท่อหายใจ แต่ของพี่ปอดปกติ ค่าไตก็ลดลงอีกต่างหาก เพราะว่าอยู่ที่นี่ก็ควบคุมอาหาร”

“ยาตัวนี้ทำจากน้ำเหลืองของคนที่เป็นโควิด และหายแล้วซึ่งเอามาผสมกับยาบางตัว มันถึงได้ชื่อว่า Antibody Cocktail  มันไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไรเลย อาจจะมีอาเจียนนิดหน่อยแต่พี่ไม่มี และหายเร็วกว่าปกติ 4 วัน จริงๆ ต้องนอนโรงพยาบาล 14 วัน แต่ว่าพี่อยู่โรงพยาบาลแค่ 10 วัน จริงๆ  คนไม่ได้เป็นโรคประจำตัว 5 วันก็ออกได้แล้ว” คุณจิตรีย์ แชร์ประสบการณ์การรักษาด้วยยา Antibody Cocktail  

Q :  หลังจากรักษาด้วย Antibody Cocktail แล้ว ใช้ชีวิตอย่างไร?

A : หลังจากออกจากโรงพยาบาลไปก็กักตัวตามกฎ กักตัวเสร็จ ก็ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พี่ไปตีแบต ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตตามปกติแต่ก็ต้องป้องกัน รักษาระยะห่างทางสังคม ยาตัวนี้จะอยู่ในตัวเราซึ่งไม่ติดเชื้ออะไรเลยประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นเราก็จะมีภูมิธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม