การตลาดดิจิตอลใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางขาย จะฝากร้านยังไงไม่ให้รำคาญใจ
กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ด้วยการฝากร้านไว้ในโพสของดาราหรือทวีตที่มียอดแชร์เยอะ นอกจากจะไม่ช่วยเพิ่มยอดขายแต่อาจสร้างความรำคาญใจมาแทน แต่ในเมื่อร้านค้ามากมายบนออนไลน์มีแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เศรษฐกิจก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น จะขายจะฝากยังไงให้คนประทับใจบอกต่อ
มารยาท เป็นคุณลักษณะประจำตัวของบุคคล เพื่อติดต่อคบหากับกับผู้อื่น เพิ่มเสน่ห์ และความน่าสนใจ ในการดำเนินชีวิตประจำวันและรวมถึงการทำธุรกิจ เป็นแนวทางที่ใช้ในการปฏิบัติ การแสดงออกทาางวาจา ภาษา ท่าทางและพฤติกรรม ที่ออกมาสู่สาธารณะ เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการให้เกียรติซึ่งกัน
แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงแต่พฤติกรรมและการแสดงออกก็จำเป็นต้องมีอยู่ โดยเฉพาะในยุคดิจิตอล ที่คนเราสื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดียมากกว่าการสื่อสารแบบบุคคลต่อบุคคล มารยาททางสังคม ก็ยังเป็นส่วนนึงที่คนในโลกร่วม สังคมออนไลน์ ยังต้องมีเสมอ ฉุกคิดสักนิดก่อนกดส่งคอมเมนต์เพื่อเคารพซึ่งกันและกัน
และทำให้การใช้โซเชียลไม่สร้างความขุ่นมัวหรือล้ำเส้นต่อกัน โดยไม่ใยดีความรู้สึกซึ่งกันและกัน
หนึ่งใน มารยาททางสังคมทั่วไป ในโลกประจำวันคือ
การไม่พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดสั่งพร่ำเพรื่อ พูดเพ้อเจ้อ คือ พูดออกนอกลู่นอกทาง นอกเรื่อง ที่กําลัง
เป็นประเด็นสําคัญ พูดสั่งพร่ำเพรื่อ คือ พูดย้ําเตือน พูดสั่งพร่ำเพ้อ หรือ พูดย้ำเตือนกําชับ
เพราะกลัวคนฟังจะลืม หากพูดบ่อย ๆ จะถือว่าเป็นการเสียมารยาท
พื้นที่บนโลกออนไลน์ส่วนตัว ของแต่ละคนแม้จะเปิดเป็นสาธารณะก็ตาม แต่การที่เราจะแสดงความคิดเห็นหรือโพสอะไรลงในกล่องคอมเมนต์แบบไม่คำนึงถึงเวลาและจังหวะก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเหมาะสมนัก แม้จะบอกว่าสำหรับตัวเองไม่ถือสา แต่ก็ใช่ว่าผู้ใช้งานคนอื่นจะสะดวกใจที่จะรับความคิดเห็นนั้นของคุณ
อย่างเช่น ช่วงหนึ่งเคยมีประเด็นการฝากร้านในคอมเมนต์ส่วนตัวของดารา หรือ ผู้มีชื่อเสียง โดยไม่สนใจว่ารูปหรือข้อความของบุคคลนั้นจะสื่อถึงอะไร และแม้จะมีการเขียนกำกับแล้วว่า ไม่รับฝากร้านก็ยังไม่วายขอเมนต์สักหน่อย จะโดนบล็อกหรือตอบกลับในแง่ลบก็ โนสน โนแคร์
ซึ่งพฤติกรรมที่มักฝากร้านกันจะมีหลายรูปแบบ เช่น
- ฝากร้านเดิม หลายๆ โพส ต่อกัน
- ฝากร้านในรูปหรือโพสที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นประเด็นอยู่ พอโดนต่อว่ากลับก็จะขอโทษ อ้างว่าไม่เห็น
- ฝากร้านในรูปแล้วเมื่อโดนต่อว่าก็จะด่ากลับ หาว่าไม่มีน้ำใจ
ซึ่งในช่วง โควิดระลอก 3 ที่ประเทศไทยต้อง ล็อกดาวน์ ยังยาวๆ ปิดหน้าร้านโดยไม่มีกำหนด ดาราต่างๆ ก็ออกมาเปิดพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้า สามารถ โพสขายของฝากร้าน กันได้อย่างเปิดเผย เพื่อใช้พื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาช่วยเหลือร้านค้าผู้ที่เดือดร้อนในช่วงเวลานั้นในคนในวงกว้างเห็นมากขึ้น
ซึ่งตอนนี้พฤติกรรมในการฝากร้านลงในโซเชียลส่วนตัวของดารา คนดัง ลดลง แต่ยังมีให้เห็นอยู่ในทวีตที่มียอด เฟบทวีต หรือ รีทวีต เยอะๆ อาศัยเกาะเทรนด์โดนไม่ได้มีประเด็นเกี่ยวข้องกันกับเนื้อหา
ในกรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้งาน ทวิตเตอร์ คนนึง กล่าวถึงเรื่องราวการสูญเสียคนในครอบครัวของตัวเอง แต่กลับมีคนมาตอบโพสด้วยการฝากร้าน ในช่องแสดงความเห็น นี่เป็นตัวอย่างของการไม่รักษามารยาทและการไม่ใส่ใจหรือเคารพซึ่งกันอย่างหนึ่ง
แต่ในเมื่อเศรษฐกิจแบบนี้ คนก็ต้องทำมาหากิน ค้าขายออนไลน์ก็เป็นที่นิยมมากขึ้นๆ แล้วจะทำอย่างไรให้คอมเมนต์ร้านของคุณไม่สร้างความรำคาญหรือไม่รักษามารยาทต่อเพื่อนร่วมโซเชียล เรารวบรวมให้ดังนี้
- หาให้เจอว่ากลุ่มลูกค้าของคุณติดตามอะไรหรืออยู่ในกลุ่มไหน เช่น ของของมือสอง ก็อาจจะค้นหาจากชื่อแท็กค้นหา แล้วกดติดตามคนที่กดไลค์ในสินค้ากลุ่มเดียวกัน เมื่อมีอัพเดตใดๆ จากคนที่เราติดตามอยู่ก็มั่นกดไลค์หรือแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกันเนื้อหาในโพส โดยในไอจีร้านค้าของคุณ พฤติกรรมคนทั่วไปมักจะเช็กดูเวลามีคนกดไลค์โพสของพวกเขาก็ทำให้ชื่อร้านของคุณผ่านเข้าตาหรืออาจจะได้ลูกค้าต่อจากนั้น
- ไม่ควรโพสขายของถี่ๆ เกินไปควรเลือกเวลาที่มีคนใช้งานมากที่สุด คือช่วง 07.00-09.00 ช่วงเวลาที่คนกำลังเดินทางไปทำงานและยกมือถือขึ้นเช็กความเคลื่อนไหวบนโซเชียลหรือ รีโพสนั้นอีกครั้งตอน 12.00-14.00 ช่วงเวลาพักกลางวันก็เป็นช่วงที่พนักงานบริษัทส่วนใหญ่ได้หยิบมือถือเล่นกันเยอะขึ้นอีกครั้ง
- ส่วนช่วงเวลาค่ำ การขายที่ไม่เน้นการขายตรงไปตรงมาแต่เป็นโพสที่สร้างแรงบันดาลใจหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเราจะได้รับความสนใจ
- ฝากให้ Market place สาธารณะที่เปิดไว้สำหรับขายของ ซึ่งมีทั้งคนที่รู้จักแะละรู้จักอยู่แล้วจะได้ช่วยกันดัน หรือ ฝากเพื่อนที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการใช้จริงมาช่วยรีวิวได้อีกด้วย เช่น กรุ๊ปเปิดอย่าง Workpoint มาร์เก็ตเพลส หรือ กรุ๊ปเฉพาะหัวข้อเช่น หาที่พักเกาะต่างๆ หรือกรุ๊ปปิดแบบตลาดมหาลัย จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เเละการฝากร้าน
- ทักแชทส่วนตัวไปขออนุญาตฝากร้านกับคนคิดว่าน่าจะเป็นพื้นที่ให้คนที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนอื่นๆ เห็นได้มากขึ้น
นอกจากจะไม่ทำให้คนใช้งานโซเชียลคนอื่นรำคาญจนรีพอร์ตร้านไปซะก่อน หรือก็อาจจะโดนบล็อกไปเลย เสียยอด เสียเวลาสร้างแอคเคาว์นใหม่ ก็สู้ทำให้ดีตั้งแต่เริ่มกันดีกว่าพื้นที่บนโลกโซเชียลก็เปรียบเป็นบ้าน เป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคน ก่อนเข้าห้อง เข้าบ้านใคร จะขอความช่วยเหลือก็ควรแสดงมารยาทที่ดีเพื่อให้อยากเปิดประตูรับเข้ามา หรือใช้เทคนิกที่ไม่ทำให้ร้านของเราเป็นร้านที่รุกรานไปทั่วแบบไม่สร้างยอดขายหรือสร้างความประทับใจดีที่แก่ลูกค้าหรือคนพบเห็นจะได้ผลตอบรับที่ดีกว่า
ที่มา
