svasdssvasds

โดนแล้ว 1 กระทง "สบส." สั่งปิดอาคารผู้ป่วยนอก รพ.พระราม 2

โดนแล้ว 1 กระทง "สบส." สั่งปิดอาคารผู้ป่วยนอก รพ.พระราม 2

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

น.พ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายอัจริยะ เรืองรัตพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้าร้องทุกข์ให้ตรวจสอบ โรงพยาบาลพระราม2 ว่า จากการตรวจสอบในขณะนี้ พบความผิดของโรงพยาบาลพระราม 2 ชัดเจนมากขึ้น โดยได้มีคำสั่งปิดไปเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา คือ 1.กรณีที่โรงพยาบาลนำเอาที่จอดรถ มาทำการปรับปรุงดัดแปลงเป็นอาคารผู้ป่วยนอก โดยไม่ได้ขออนุญาต ดังนั้น จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และสั่งลงโทษปรับ ฐานทำความผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาล แต่เป็นฐานความผิดที่ไม่ร้ายแรง จึงดำเนินการปรับไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ปรับปรุงในส่วนที่ไม่ตรงมาตรฐาน พ.ร.บ.สถานพยาบาล โดยได้ให้ระยะเวลาในการปรับปรุง 15 วัน

ทั้งนี้ หากยังไม่ดำเนินการ จะทำการเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งหากโดนเพิกถอนใบอนุญาตจะส่งผลให้โรงพยาบาลถูกปิด แต่ยังไม่รุนแรงเท่ากับการสั่งปิดโรงพยาบาลเลย และอีกประเด็นที่ถือเป็นความผิดร้ายแรงใน พ.ร.บ.สถานพยาบาล จะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความผิดในวันที่ 19 พ.ย.นี้ ส่วนเรื่องคดีความของสาวที่ถูกสาดน้ำกรดจนเสียชีวิตนั้น ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

ขณะที่  นายสิทธิชัย ไชยเดชกำจร อายุ 30 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี คนขับรถแท็กซี่ที่รับ น.ส.ช่อลัดดา และลูกสาวจากถนนพระราม 2 ไปส่งยัง รพ.พระราม 2  ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธรรญธร รัศมี รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ซึ่งมีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับผู้บริหาร ที่ปรึกษา และแพทย์ รพ.พระราม 2 รวม 3 คน ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 34 , 35 ,36 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ด้วย

นายสิทธิชัย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 05.00 น. ตนขับรถแท็กซี่อยู่บนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก เมื่อเลยช่วงทางเข้าถนนบางขุนเทียนชายทะเล ก็พบ น.ส.ช่อลัดดา และลูกสาว ยืนรอรถแท็กซี่อยู่ริมถนน จึงรับเอาไว้ และเมื่อขึ้นรถมา  น.ส.ช่อลัดดา ก็บอกให้ไป รพ.บางมด โดยตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถ หญิงสาวรายนี้มีอาการหนักมาก ร้องปวดแสบปวดร้อน ตนจึงตัดสินใจไป รพ.พระราม 2 เพราะอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเข้าไปถึงรพ.ดังกล่าว น.ส.ช่อลัดดาและลูกสาวได้จ่ายค่าโดยสารแล้วลงไป ส่วนตนมองดูไม่พบใครสักคน จึงจอดรถและตามเข้าไป จนถึงจุดรอตรวจ พบผู้หญิงคนหนึ่งนั่งตรงเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ ตนจึงสอบถาม และมองดูไฟห้องฉุกเฉิน ซึ่งตอนนั้นปิดอยู่ จนมีเจ้าหน้าที่นำตัว น.ส.ช่อลัดดา เข้ามาถึงเปิดไฟห้องฉุกเฉินและทำการปฐมพยาบาล

โดนแล้ว 1 กระทง "สบส." สั่งปิดอาคารผู้ป่วยนอก รพ.พระราม 2

"ตอนนั้นตนคิดว่าคงโดนน้ำร้อนมา ประกอบกับถึงมือแพทย์แล้ว คงไม่เป็นอะไร ตนจึงเดินเข้าไปบอกว่า “พี่ไปก่อนนะ” ซึ่งก็ได้ยินคำว่าขอบคุณกลับมาโดยไม่เห็นหน้า เพราะมีคนล้อมรอบเตียง ตนเลยออกมาจากโรงพยาบาล ทั้งนี้ ในระหว่างที่อยู่ รพ. ตนไม่เห็นแพทย์ประจำอยู่ มีเพียงเจ้าหน้าที่และแม่บ้านเท่านั้น"

ทางด้าน นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปสำนักงานเขตบางขุนเทียน และสำนักงานเขตบางบอน เพื่อไปตรวจสอบอาคาร เนื่องจากใบอนุญาตประกอบโรงพยาบาลพระราม 2  จะหมดวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารทั้งหมด ตนจึงร้องให้ตรวจสอบด้วย เพราะพบว่า อาคารไม่น่าจะตรงกับแบบก่อสร้าง ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า แพทย์ไม่ได้ตรวจ น.ส.ช่อลัดดา ส่วนจะมีพยาบาลมาตรวจหรือไม่นั้น คิดว่าพยาบาลไม่มีหน้าที่ในการตรวจวินิจฉัยโรค เพราะเป็นหน้าที่ของแพทย์.

related