เมืองเชียงใหม่ค่าฝุ่นละอองยังพุ่ง ผู้ว่าฯสั่ง 25อำเภอเร่งฉีดละอองน้ำ
หมอกควันพิษปกคลุมท้องฟ้าเหนือตัวเมืองเชียงใหม่ต่อเนื่องวันที่สอง ผู้ว่าฯ สั่ง 25 อำเภอเร่งฉีดละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื่นอากาศ ด้าน สวล.ภาคที่ 1 ชี้เกณฑ์วัดค่ามาตรฐานพีเอ็ม 2.5 และ 10 ของไทยแตกต่างกับเวปอื่น เหตุยึดตามเกณฑ์คำนวณค่าของไทย แนะแม้ค่าต่างแต่ ปชช.สามารถใช้ข้อมูลวางแผนดูแลสุขภาพได้ทั้งหมด
สถานการณ์หมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่วิกฤตต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เช้าวันนี้ ( 08.00 น.) หมอกควันหนาทึบยังคงปกคลุมทั่วเมือง ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กว่า 2.5 ไมครอน หรือ ค่าพีเอ็ม 2.5 ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ศูนย์ราชการจังหวัด วัดค่าได้ที่ 93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในโซนสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
ส่วนที่จุดตรวจวัดที่ตำบลสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดได้ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ วัดได้ที่ 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ปริมาณฝุ่นพิษที่สะสมเป็นวันที่สองส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ประชาชนต้องพากันหาผ้าปิดจมูกสวมใส่ออกจากบ้าน ขณะที่นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียวใหม่ สั่งการให้ทั้ง 25 อำเภอ นำรถน้ำออกฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดปริมาณฝุ่นควันและเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ รวมทั้งสั่งให้ทุกอำเภอตรวจสอบและควบคุมปัจจัยของการเกิดฝุ่นละออง ทั้ง การเผา ฝุ่นบนผิวจราจร การก่อสร้าง อย่างเข้มงวด
ด้านนายระพีศักดิ์ มาลัยรุ่งสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ปริมาณฝุ่นควันเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ นอกจากจะมาจากการเผาในพื้นที่และทิศทางกระแสลมที่พัดพาเอาฝุ่นควันจากพื้นที่การเผาอื่นเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ยังมาจากลักษณะภูมิศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ ที่เป็นแอ่งกะทะมีภูเขาโอบล้อม ทำให้เกิดการสะสมและต้องใช้เวลานานในการระบายฝุ่นควัน
ส่วนความสงสัยของประชาชนกับตัวเลขค่าฝุ่นละอองในอากาศทั้งพีเอ็ม 2.5 และ พีเอ็ม 10 ที่ดูเหมือนว่า ค่าที่วัดได้จากกรมควบคุมมลพิษจะมีตัวเลขที่ต่ำกว่ารายงานของเวปไซต์อื่น ๆ เช่นเช้าวันนี้ เวลา 08.00 น. สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ กรมควบคุมพลพิษ วัดได้ที่ 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่เวปไซต์ aqicn.org วัดได้ถึง 172 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
เรื่องนี้ นายระพีศักดิ์ อธิบายว่า แอปพลิเคชันที่มีการใช้อ้างอิง เช่น แอปพลิเคชัน Air Visual และ เวปไซต์ www.aqicn.org จะใช้ เกณฑ์ AQI ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ส่วนแอปพลิเคชัน Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษของไทย จะยึดการคำนวณเกณฑ์ของประเทศไทยในการหาดัชนีคุณภาพอากาศ ทำให้แม้จะเป็นผลการตรวจวัดจากจุดเดียวกัน แต่เมื่อเกณฑ์ที่ใช้คำนวนดัชนีคุณภาพอากาศไม่เหมือนกัน ทำให้ระดับสีและตัวเลขที่แสดงดัชนีคุณภาพอากาศออกมาแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตัวเลขจะต่างกันและมากน้อยแค่ไหน ประชาชนควรใช้ประโยชน์จากการรายงานของแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพของตัวเองให้ห่างไกลฝุ่นควัน
