สองสมาคมเอกชน ยื่นหนังสือร้อง รัฐขายหน้ากากเกินราคาควบคุม

จากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ทำให้ปริมาณความต้องการหน้ากากอนามัย มีสูงมากจนประสบปัญหาขาดแคลนเข้าขั้นวิกฤต ทางภาครัฐได้ประกาศให้การช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์

โดยจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับทุกโรงพยาบาลในประเทศไทย แต่ทางโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนยังคงต้องการซื้อหน้ากากอนามัยกับทางโรงงานผู้ผลิต โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งเดิมก่อนรรัฐประกาศช่วยเหลือสนับสนุนซื้อหน้ากากอนามัยให้ทุกโรงพยาบาล ทางโรงพยายบาลและคลินิกเอกชนซื้อหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 2 บาท แต่หลังจากรัฐประกาสช่วยเหลือซื้อหน้ากากให้ทุกโรงพยาบาล กลับมีการปรับราคาหน้ากากอนามัยที่ต้องซื้อจากโรงงานเป็นชิ้นล่ะ 4.25 บาท ซึ่งทำให้โรงพยาบาลและคลินิกเอกชนต้องรับภาระอย่างหนัก ประกอบกับโรงบาลและคลินิคเอกชนหลายแห่งมีผู้ป่วยโควิด-19 เป็นจำนวนมาก และมีบุคคลากรที่ติดเชื้อโควิด-19 อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันไม่เพียงพอ

ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเกิดข้อสงสัย จากราคาที่รัฐควบคุมไว้ 2.50 บาท ตอนแรกก่อนที่จะขึ้นมาชิ้นละ 4.28 บาท ว่าเงินส่วนต่าง ชิ้นละ 1.78 บาท  มันไปไหน โดยระบุว่า...

เอกชนกระอักรัฐขายหน้ากากเกินราคาควบคุม รัฐบาลประกาศควบคุมราคาหน้ากากไว้ที่ 2.50 บาท(สองบาทยี่สิบห้าสตางค์) และเป็นคนจัดสรรไปให้หน่วยงานต่างๆ ไปๆมาๆ ตอนนี้ จาก 2.50 บาท กลายเป็นชิ้น 4.28 บาท (สี่บาทยี่สิบแปดสตางค์) เฉยเลย

สองสมาคมฝั่งเอกชนจึงมีหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดังที่โพสต์ไว้นี้น่าสนใจว่า นอกจากขายเกินราคาที่ประกาศควบคุมไว้แล้ว ที่เกินไปชิ้นละ 1.78 บาท (หนึ่งบาทเจ็ดสิบแปดสตางค์) มันไปไหน ตกหล่นอยู่ที่ใด วันหนึ่งๆมีส่วนต่างเป็นล้านเลยนะนั่น