สถานการณ์โควิด 19 ส่งผลให้การดำรงชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป จนเกิดคำที่เรียกว่า New Normal สะท้อนถึงการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งวันนี้ทีมข่าวได้รวบรวมการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมถึงทำความรู้จักกับคำว่า New Normal ว่าคืออะไร ทำไมคนถึงพูดกัน
New Normal จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางสังคมของชีวิตความเป็นอยู่ ที่เราเรียกว่า ความปกติในรูปแบบใหม่ หรือ New Normal
จากข้อมูลพบว่า New Normal ถูกนำมาใช้โดย Bill Gross ผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ชาวอเมริกัน โดยใช้อธิบายถึงสภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอเกอร์ (Hamburger Crisis) ในสหรัฐฯ ช่วงระหว่างปี 2007-2009
ซึ่งที่เขาต้องใช้คำว่า New Normal นั้น ก็เพราะแต่เดิม วิกฤตเศรษฐกิจจะมีรูปแบบค่อนข้างชัดเจน เมื่อเศรษฐกิจเติบโตไปได้ช่วงระยะหนึ่ง จะมีปัจจัยที่ทำให้เกิดฟองสบู่ แล้วก็เกิดเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจตามมา หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจไม่นานเศรษฐกิจก็จะเริ่มฟื้นตัว แล้วก็กลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ
Photo : Bloomberg
โดยจากเดิม New Normal เป็นคำที่ใช้อธิบายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมือนเดิม ว่าเป็น ความปกติในรูปแบบใหม่ ที่ต้องยอมรับให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันเราจะได้เห็นการพูดถึงคำว่า New Normal ในแง่ของเชิงธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น
วันนี้เราจะขอยกตัวอย่างบางส่วนเพื่ออธิบายว่า New Normal กับ พฤติกรรมของผู้บริโภคและธุรกิจจะต้องปรับตัว ไปมากน้อยเพียงใดหลังจากเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในครั้งนี้
- การนำงานที่ทำงานกลับมาทำที่บ้าน Work from Home อาจจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นจากหลายกิจการ
- การซื้อขายออนไลน์จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสำคัญของ “หน้าร้าน” จะลดน้อยลง เมื่อคนสามารถเลือกวิธีซื้อออนไลน์ หรือกระทั่งสั่งอาหารผ่านบริการเดลิเวอรี่ได้มากยิ่งขึ้น
- การเรียนและการประชุมผ่านระบบออนไลน์
- ไม่มีการถือเงินสด การทำธุรกรรมทางการเงินแทบทุกอย่างจะผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile Banking)
- การรับประทานอาหารคนเดียว การกำหนดระยะห่างของบุคคล ลดการพูดจา
- ไปในสถานที่สาธารณะน้อยลง เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนต์ ฟิตเนส
- ทำกิจกรรมอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น เช่น การออกกำลังกาย
- ลดการสัมผัสตัวผู้อื่น
- ลดการเดินไปท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ
- ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า โดยต่อไปการใส่หน้ากากจะถือเป็นเรื่องปกติ คล้ายกับเครื่องประดับ และหน้ากากจะสร้างความคุ้นเคยให้ทุกคนที่ได้เห็น
- การพกเจลล้างมือ-สเปรย์แอลกอฮอล์
- เคยชินกับการล้างมือ
- กินร้อน ช้อนเรา เมื่อมีการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- สังเกตุความผิดปกติของร่างกาย
- การซื้อที่อยู่อาศัยที่จะเน้นความคุ้มค่ามากกว่าความสวยงามและราคาที่สูงเกินจริง
- เลือกการจับจ่ายใช้สอย เฉพาะสินค้าที่จำเป็น ลดการใช้จ่ายสินค้าที่ฟุ่มเฟือย เช่น สินค้าเครื่องประดับราคาแพง กินอาหารหรูๆ
- จะมีการซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างบางส่วนของ New Normal ในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคที่อาจจะเปลี่ยนไปเท่านั้น ซึ่งเป็นการยกตัวอย่าง ขึ้นมาให้เห็นภาพคร่าวๆ อาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์