นายศิริรัจน์ วังศพ่าห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ระบุ การขุดพบปืนใหญ่ไม่ใช่ครั้งแรก เบื้องต้นปืนใหญ่ที่พบสนามหลวง น่าจะเป็นปืนใหญ่ที่ผลิตในประเทศอังกฤษ แต่ต้องรอตรวจสอบอีกครั้งหลังขั้นตอนการทำความสะอาด
นักวิชาการของกรมศิลปากร กรมอู่ทหารเรือ ร่วมเสวนา เสวนาวิชาการ เกี่ยวกับปืนใหญ่ในสยาม ซึ่งกรมศิลปากรจัดขึ้น หลังพบปืนใหญ่ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 25สิงหาคมที่ผ่านมา โดยขณะนี้เก็บรักษาไว้ชั่วคราวในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เพื่อกรมศิลปากรดำเนินการอนุรักษ์และศึกษารูปแบบปืนใหญ่ ซึ่งการพบปืนใหญ่ไม่ได้เป็นการพบครั้งแรก เพราะปกติในการการปรับปรุงพื้นบริเวณพื้นที่วังหน้า ที่ครอบคลุมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โรงละครแห่งชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักจะพบอาวุธปืน กระสุน หรืออาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ แม้ขุดไม่ลึกมาก หลายกระบอกนำขึ้นมาอนุรักษ์ไว้โดยกรมศิลปากร และมีอีกหลายกระบอกกระทรวงกลาโหมขอนำไปศึกษา
นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับมอบหมายจากสำนักพระราชวังและกทม. ให้ดูแลรักษาปืนใหญ่ที่พบชั่วคราวเพื่อดำเนินการอนุรักษ์เรื่องกายภาพ เนื่องจากถูกฝังใต้ดินมานาน ขุดขึ้นมาสนิมกัดกินผุกร่อน พบรอยร้าว หากปล่อยทิ้งไม่อนุรักษ์เชิงโครงสร้างอาจจะผุกร่อนจนกระทั่งปืนแตกได้ เบื้องต้นกำหนดระยะเวลา 3 เดือนในการอนุรักษ์ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์อาจไม่ได้กลับเป็นปืนใหญ่ที่สมบูรณ์ดังเดิม
นายศิริรัจน์ วังศพ่าห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่ ระบุว่าปืนใหญ่กระบอกที่พบล่าสุดบริเวณท้องสนามหลวงนั้น จากการดูทรงรูปร่างภายนอก เบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปืนใหญ่ที่ผลิตขึ้นในประเทศอังกฤษ รุ่น โบลมฟิลด์ ( Blome Field) ที่ผลิตขึ้นระหว่างปีคริสตศักราช 2330 ถึง 2358 ซึ่งปืนรุ่นนี้จะมีลักษณะเฉพาะที่มีหูสำหรับร้อยเชือก ซึ่วปืนใหญ่ที่พบกระบอกนี้ มีหูสำหรับร้อยเชือกเช่นกัน ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป หลังจากทำความสะอาดปืน เพื่อดูว่ามีตราสัญลักษณ์สำคัญของปืนใหญ่รุ่นนี้ ว่ามีมงกุฎหรือตราของพระเจ้าจอร์จ ที่ 3 อยู่ที่กระบอกปืนด้วยหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีตราสัญลักษณ์สำคัญเหล่านี้ หมายความว่าปืนใหญ่กระบอกนี้ถูกหล่อขึ้นในประเทศไทย ในช่วงรัชกาลที่3 โดยมีที่ปรึกษาชาวอังกฤษให้คำแนะนำในการหล่อ
ส่วนการค้นพบปืนใหญ่ในประเทศไทย ภาพรวมตั้งแต่ในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการค้นพบมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นปืนใหญ่ที่ไทยสร้างเอง และมีหลักฐานว่ามาจากต่างชาติ ซึ่งทั้งหมดเก็บรักษาไว้ในสถานที่สำคัญ รวมถึงสถานที่ราชการทั่วประเทศ