svasdssvasds

โรงเรียนสังกัด กทม. เตรียมพร้อม ใช้ 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่ 1/2563

โรงเรียนสังกัด กทม. เตรียมพร้อม ใช้ 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่ 1/2563

รร.กทม.เตรียมเลือกแผนการสอน 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่1/2563 ระบุ มีทั้งมาเรียนทุกวัน และสลับวันเรียนให้เหมาะตามขนาดจำนวน นร.และพื้นที่ เผย 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 20 คน ให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคม

(8 มิ.ย.63) ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 13/2563 ซึ่งมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ว่า ในที่ประชุมวันนี้ สำนักการศึกษา ได้รายงานการเตรียมความพร้อมแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 ก.ค. 63 โดยโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครแบ่งตามจำนวนนักเรียนได้ 3 ขนาด ได้แก่

โรงเรียนสังกัด กทม. เตรียมพร้อม ใช้ 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่ 1/2563

1. โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน

2. โรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 401-800 คน

3. โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 801-1500 คน

สำนักการศึกษาได้จัดเตรียมแนวทางการจัดการเรียนการสอน 2 รูปแบบ ดังนี้ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน มีทั้งหมด 204 โรงเรียน จะจัดให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ โดยให้นักเรียนมาโรงเรียนทุกวัน และเรียนตามตารางเรียนในชั่วโมงหรือคาบเรียนปกติ ใน 1 ห้องเรียน มีจำนวนนักเรียน 20 คนโดยประมาณ และให้มีการรักษาระยะห่างทางสังคมทั้งเวลาเรียน ช่วงเวลาพัก และการรับประทานอาหาร

สำหรับโรงเรียนขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 233 โรงเรียน จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 แบบสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนตั้งแต่ 401-800 คน เช่น ระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล) ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียนวันอังคาร วันพฤหัส ส่วนระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์

โดยในช่วงที่นักเรียนไม่ได้มาเรียนในวันปกติจะใช้วิธีการเรียนรู้ทาง Online และ On Air เข้ามาทดแทนการเรียนในห้องเรียน โดยให้ครูเข้ามาควบคุมดูแลในการจัดการเรียนรู้ และมอบแบบฝึกหัด การบ้าน ใบงานหรือกิจกรรมให้ไปทำที่บ้าน และให้นับเวลาการเรียนช่องทางดังกล่าวชดเชยการเรียนในช่วงเวลาปกติได้ด้วย

โรงเรียนสังกัด กทม. เตรียมพร้อม ใช้ 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่ 1/2563

ส่วนรูปแบบที่ 2 แบบมาเรียนปกติ ร่วมกับสลับวันเรียนทั้งหมด ใช้กับโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียน 801-1,500 คน และโรงเรียนขนาดใหญ่มาก ที่มีนักเรียนมากกว่า 1,500 คน คือ ระดับอนุบาล และระดับประถมศึกษาตอนต้น ให้มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ

สำหรับระดับประถมศึกษาตอนปลาย และระดับมัธยมศึกษาให้สลับวันมาเรียน ทั้งนี้ให้สถานศึกษาพิจารณาการจัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม โดยตั้งแต่วันที่ 1-20 มิ.ย. 63 สำนักการศึกษาจะได้ตรวจความพร้อมของโรงเรียนที่จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานอีกครั้ง

ในส่วนของการวัดและประเมินผลระดับปฐมวัย จะใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรม การพูดคุย การซักถาม การตรวจสอบชิ้นงาน โดยครูจะประสานของความร่วมมือผู้ปกครองในการร่วมประเมินพัฒนาการด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใช้การประเมินหลายรูปแบบร่วมกัน อาทิ การเข้าชั้นเรียน การสังเกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน การสัมภาษณ์ พูดคุย ซักถาม การทำแบบทดสอบออนไลน์ การทดสอบด้วยข้อสอบแบบเขียนตอบหรือความเรียงแบบออนไลน์ เป็นต้น

นอกจากนี้ สำนักการศึกษา ได้เตรียมความพร้อมและมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอื่นๆ ได้แก่ มาตรการดูแลระหว่างการเดินทางมาโรงเรียน กรณีเดินทางด้วยรถตู้โดยสาร ให้คนขับรถสวมใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับ-ส่งนักเรียนทุกครั้ง หรือหากผู้ปกครอง มาส่งนักเรียนที่โรงเรียน ต้องมีการจัดพื้นที่สำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียนและมีการคัดกรองอุณหภูมิทุกครั้ง

มาตรการสำหรับกิจกรรมหน้าเสาธง กรณีโรงเรียนขนาดเล็กและมีพื้นที่ สามารถให้นักเรียนร่วมกิจกรรมได้ปกติภายใต้มาตรการเว้นระยะห่าง กรณีมีพื้นที่จำกัด ให้นักเรียนเข้าแถวที่โต๊ะในห้องเรียน หรือเข้าแถวหน้าห้องเรียน

มาตรการในห้องเรียน ให้มีการจัดโต๊ะเรียนจำนวนไม่เกิน 20 ตัว โดยแต่ละตัวเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร ให้ทำความสะอาดห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้งก่อนเรียน พักกลางวันและหลังเลิกเรียน

สำหรับการนอนของนักเรียนปฐมวัย ให้งดการใช้เครื่องปรับอากาศ อาจใช้พัดลมแทน มาตรการสำหรับการรับประทานอาหาร ให้โรงเรียนพิจารณาจัดที่รับประทานอาหารทั้งในห้องเรียนและโรงอาหาร และเหลื่อมเวลาตามบริบทและความพร้อมของโรงเรียน โดยในโรงอาหารต้องมีฉากพลาสติกใสกั้น และเว้นระยะนักเรียน แม่ครัว พนักงาน ต้องใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ

สำหรับการจัดการเรียนการสอนของเด็กพิเศษ(เรียนร่วม) ให้จัดการเรียนการสอนแบบปกติ นักเรียนสามารถมาเรียนได้ทุกวัน โดยมีการเว้นระยะห่าง และกำหนดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียน 6 คน ต่อ 1 ห้องเรียน

โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักการศึกษา ประสานโรงเรียนที่มีชื่อเสียง และมีมาตรฐานการจัดการเรียนการสอน ร่วมผลิตสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ อาทิ โรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนรัฐอันดับต้นๆ ของประเทศ เพื่อให้เด็กนักเรียนของกรุงเทพมหานครได้เรียนออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ครูและผู้ปกครองได้รับทราบและเข้าใจในแนวทางของกรุงเทพมหานครก่อนเปิดภาคเรียน

งดจัดกิจกรรม ณ บ้านพักคนชราบางแค 2 ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

ในที่ประชุมสำนักพัฒนาสังคม ได้รายงานการดำเนินการของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค 2 ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยปัจจุบันมีผู้สูงอายุในความดูแล 132 คน สำนักพัฒนาสังคมได้กำหนดมาตรการควบคุม ดูแล ดังนี้

โรงเรียนสังกัด กทม. เตรียมพร้อม ใช้ 2 รูปแบบรับเปิดภาคเรียนที่ 1/2563

มาตรการด้านสถานที่ จัดให้มีทางเข้า-ออกทางเดียว และกำหนดจุดคัดกรอง มาตรการสำหรับดูแลผู้สูงอายุ มีการให้ความรู้ในการป้องกันโรค การงดเดินทางเข้า-ออก การแจกหน้ากากอนามัย การตรวจวัดไข้ทุกวัน กรณีที่มีโรคประจำตัวต้องรับยาต่อเนื่อง ให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลประสานงานเพื่อรับยาแทน

มาตรการสำหรับบุคลากรผู้ดูแล ดูแลสุขภาพก่อนเข้าปฏิบัติงาน ทำความสะอาดร่างกาย ตรวจวัดไข้ ล้างมือ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ และใส่หน้ากากอนามัย ให้งดการเข้าร่วมประชุมหรือกิจกรรมในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างจังหวัด มาตรการสำหรับผู้มาติดต่อ งดเยี่ยมผู้สูงอายุและการจัดกิจกรรมจากหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก ไม่อนุญาตให้บริการขนส่งเอกชนเข้ามาภายในบริเวณสถานสงเคราะห์ กรณีพบผู้สูงอายุมีอาการเข้าข่ายสงสัย จะแยกผู้สูงอายุที่มีอาการ ณ ห้องคัดแยกที่จัดเตรียมไว้ และพบแพทย์ทันที

related