เชียงใหม่ เร่งสำรวจเส้นทางบินกำหนดจุดปล่อยโคม (คลิป)

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2562 นายศรัณยู มีทองคำ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ภาคประชาชน ส่งหนังสือขอให้ยกเลิกการปล่อยโคมไฟในเวลากลางคืนในช่วงลอยกระทงและ ปีใหม่ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเพลิงไหม้ กรณีที่โคมตกลงมาโดนบ้านเรือนของประชาชน และมองว่าไม่ใช่ประเพณีของชาวล้านนา ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีประกาศจังหวัดในเรื่องของมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัย และดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในจุดที่มีการปล่อยโคมลอย และโคมไฟ โดยประกาศไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2559 โดยกำหนดให้ปล่อยโคมลอย และ โคมไฟได้ในวันขึ้น 15 ค่ำ และ แรม 1 ค่ำ ซึ่งตรงกับประเพณีลอยกระทง นอกจากนั้นในประกาศยังได้ให้ปล่อยโคมได้ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยผู้ปล่อยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ซึ่งเมื่อปี 2561 มีผู้ขออนุญาตปล่อยโคมทั้งสิ้น 58,000 ลูก

อย่างไรก็ตามในเรื่องของการปล่อยโคมนั้น การบังคับใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.การเดินอากาศ ที่ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 25 พฤษภาคม 2562 ให้เพิ่มความต่อใน ม.59/1 ม.59/2 และ ม.59/3 ห้ามมิให้บุคคลใดจุดและปล่อยหรือกระทำการใดเพื่อให้บั้งไฟ พลุตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ซึ่งเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือปฏิบัติการของอากาศยานภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศตามาตรา 58 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมได้มีประกาศกำหนดเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ พ.ศ.2535 ครอบคลุมพื้นที่ ต.ริมใต้ ต.แม่สา ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม, ต.หนองหาร ต.สันทราย อ.สันทราย, ต.บ้านปง น้ำแพร่ หนองควาย สันผักหวาน หางดง บ้านแหวน สบแม่ข่า ขุนคง หนองแก๋ว หารแก้ว หนองตอง อ.หางดง , ต.ท่าวังตาล หนองผึ้ง ดอนแก้ว ขัวมุง อ.สารภี , อ.เมือง ครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบล ซึ่งเขตปลอดภัยในการเดินอากาศตามกฎหมายฉบับนี้คือห้ามไม่ให้มีการปล่อยโคมลอย โคมควันหรือจุดพลุเด็ดขาด

เบื้องต้นจากกรณีดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการณ์ให้ทำการตรวจสอบ พื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศของการท่าฯ ทั้งนี้ต้องพิจารณาไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับกฎหมาย โดยอาจมีการปรับช่วงเวลาให้เหมาะ เพื่อออกเป็นประกาศจังหวัด และแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องการจำหน่าย การผลิตให้ได้มาตรฐาน เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับกฎหมาย อาจจะปรับช่วงเวลาที่ให้เหมาะสมเพื่อทำเป็นประกาศจังหวัด และให้แจ้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องการจำหน่าย การผลิตให้ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน( มผช.) โดยต้องมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ทั้งผู้ประกอบการ วัด ประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ทราบและปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีก็ต้องดำเนินต่อไป โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยเป็นหลัก

ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า พื้นที่ที่นายอำเภออนุญาตไปแล้ว อยู่ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศหรือไม่ หากอยู่ในแนวเขตก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แม้ว่าพื้นที่ที่อนุญาตจะเป็นของหน่วยงานราชการก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่