ยาย ด.ญ.ป.1 ยอมรับเข้าใจผิดกล่าวหา 3 ด.ช.รุมโทรมหลาน ด้านยายเด็ก ป.5 เผยเครียดหลานตกเป็นจำเลยสังคมแต่ไม่ติดใจเอาความ
จากกรณีที่มีผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีกลุ่ม ด.ช. ชั้น ป.1 ป.3 และ ป.5 ร่วมกันพยายามล่วงละเมิดทางเพศ ด.ญ.ชั้น ป.1 ริมสระน้ำในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ ต.สองชั้น อ.กระสัง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลังจากทีมสหวิชาชีพทั้งตำรวจ นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยา ได้สอบปากคำเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดจำนวน 5 คน ได้ให้การสอดคล้องตรงกันว่าเด็กชายชั้น ป.3 มีการพูดหยอกล้อว่าจะให้เงิน 35 บาท หากเด็กชายชั้นอนุบาลสอง และ ด.ญ.ป.1 ซึ่งเป็นหลานของยายผู้เสียหายทั้งสองคน ทำท่าทางเลียนแบบตามคลิปที่ดูในโทรศัพท์ให้ดู ซึ่งก็มีการทำให้ดูจริง โดยที่ ด.ช.ป. 1 , 3 และ ป. 5 ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยและเป็นเพียงการเล่นกันตามประสาเด็กเท่านั้น ส่วนกระแสข่าวเรื่องการข่มขืนหรือพยายามฆ่าเด็กหญิงด้วยกดหัวลงน้ำ ในทางสอบสวนไม่พบว่ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด
ล่าสุดยายของ ด.ญ.ชั้น ป.1 ได้ออกมายอมรับว่าสับสนและเข้าใจผิดที่กล่าวหา ด.ช.ทั้ง 3 คนว่าพยายามจะล่วงละเมิดหลานสาวตัวเอง เพราะตอนที่ผ่านไปเห็นทั้งหลานสาวและกลุ่มเด็กชายแก้ผ้ากันอยู่บริเวณสระน้ำ แต่ไม่ได้เห็นกับตาว่าเด็กทำอะไรกันบ้าง ประกอบกับช่วงค่ำของวันเกิดเหตุหลานสาวก็นอนละเมอเอ่ยชื่อเด็กออกมา จึงเข้าใจว่าหลานถูกกระทำจริง แต่เมื่อมารู้ความจริงภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมของหลานชายและหลานสาวของตัวเองก็ถึงกับตกใจ และรู้สึกผิดที่พูดกล่าวหาเด็กชายทั้ง 3 ว่าเป็นคนกระทำหลานสาวเพราะความเข้าใจผิดของตัวเอง แต่ที่พูดออกไปไม่ได้เจตนาและอยากจะขอโทษครอบครัวของเด็กทั้ง 3 คน ที่เข้าใจผิดไปพูดพาดพิงกล่าวหาจนทำให้สังคมเข้าใจผิดและหากผลตรวจจากแพทย์หรือผลทางคดีออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ
ขณะที่ยายของ ด.ช.ชั้น ป.5 หนึ่งในเด็กชายที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำอนาจาร ด.ญ.ป.1 ยอมรับว่ารู้สึกเครียดมากกับการถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่หลานก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์ที่มีการเล่นกันที่เกินเลยความเป็นเด็กเท่านั้น แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำอนาจาร ด.ญ.ป.1 ทั้งที่ไม่เป็นความจริงและเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกับสภาพจิตใจของหลาน จนก็ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนคนเดียว ตัวเองรู้สึกสงสารหลาน แต่เมื่อความจริงเริ่มปรากฏว่าสิ่งที่หลานชายถูกกล่าวหาจนตกเป็นจำเลยของสังคมไม่ได้เป็นความจริง ก็รู้สึกสบายใจขึ้นและไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ แต่ก็อยากฝากถึงสังคมว่าอย่าเพิ่งเชื่อหรือวิพากษ์วิจารณ์ตามกระแสข่าวหากยังไม่รู้ข้อเท็จจริง