สลดแม่ "น้องเปา" เหยื่อน้าฆ่าหลาน เสียชีวิตแล้วตามลูกชาย

ความคืบหน้ากรณี นายกอบกู้ สีฐาน หรือโหน่ง อายุ 32 ปี น้าชายใช้ค้อนปอนด์ฆ่าหลานชายวัย 5 ขวบ เสียชีวิตคาที่หน้าบ้านตัวเอง ขณะที่ญาติที่เข้ามาช่วยได้รับบาดเจ็บ 3 คน คือ แม่ของน้องเปา แม่ของผู้ก่อเหตุ และยายของน้องเปา

ล่าสุด วานนี้ (28 ก.ย.) น.ส.จิราภรณ์ ดอนเรือนไพร อายุ 26 ปี หรือ กวาง แม่ของน้องเปาได้เสียชีวิตลงแล้วภายในบ้านพักเลขที่ 15 ม.11 บ้านท่าเกษม ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลังจากญาติตัดสินใจนำตัวออกจากโรงพยาบาลขอนแก่น กลับมาไว้ที่บ้าน หลังแพทย์แจ้งว่าอาการสาหัสมาก เพราะศีรษะถูกค้อนทุบอย่างรุนแรง สมองตาย

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย แพทย์เวร โรงพยาบาลมัญจาคีรี ร่วมกันชันสูตรศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศกของ ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน ที่พากันมาช่วยงานศพน้องเปา ที่กำลังตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่แล้วก่อนหน้านี้ โดยทางครอบครัวได้นำร่างแม่ของน้องเปา มาวางไว้ข้างกับโลงศพของลูกชายเพื่อประกอบทางศาสนา และกำหนดพิธีฌาปนกิจพร้อมกันในวันที่ 30 กันยายน นี้

พ.ต.ท.เพิ่ม นาคำ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.มัญจาคีรี กล่าวว่า จากการสอบสวนญาติพี่น้องให้การว่า น้องกวางได้เลิกกับสามี ตั้งแต่น้องเปาอายุได้เพียง 1 เดือน และพักอาศัยอยู่กับแม่ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ โดยทำงานที่ร้านกาแฟและเป็นเสาหลักของครอบครัว จนกระทั่งถูก นายกอบกู้ สีฐาน หรือโหน่ง อายุ 32 ปี น้าชาย ใช้ค้อนปอนทุบทำร้าย ขณะเดินไปรับลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ภายในบ้าน โดยน้องเปานั้นเสียชีวิตในอ้อมกอดของน้องกวาง ขณะที่ น้องกวาง นั้นได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสและ ถูกนำส่ง รพ.ขอนแก่น

ส่วนทางคดีนั้น หลังประกอบพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวตแล้ว ตำรวจจะทำเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรม ผ่านยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น เพื่อขอความช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้ตาย ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายแก้ผู้เสียหายในคดีอาญาต่อไป ซึ่งหากเข้ากฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ครอบครัวน่าจะได้รับการช่วยเหลือไม่เกิน 100,000บาท ซึ่งจะอยู่ในความพิจารณาของคณะกรรมการ ส่วนนายกอบกู้ ผู้ก่อเหตุได้ถูกนำตัวส่ง รพ.จิตเวชราชนครินทร์ขอนแก่น เนื่องจาก ยังพูดไม่รู้เรื่อง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ จนกว่าจะมีสติจึงจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้

ด้าน นางทองสา กองกุล อายุ 51 ปี ญาติผู้ตาย กล่าวว่า เนื่องจากน้องกวางนั้นมีอาการสมองไม่รับรู้อะไรแล้ว และชีพจรเต้นอ่อนมาก ทางครอบครัวจึงตัดสินใจพากลับมาที่บ้านเพื่อได้พบกับแม่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ซึ่งเมื่อมาถึงด้ม่นานก็สิ้นใจ ส่วนทางคดีทราบว่าขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุได้ด้วยอาการทางจิต แต่ขอเพียงอย่านำตัวผู้ก่อเหตุกลับมาบ้านอีก เพราะญาติพี่น้องเชื่อว่าจะไม่ปลอดภัยและอาจก่อเหตุซ้ำ