เปิดคำพูด "ท่านสว่าง" วัดต้องมีพระ ขอสู้ตายอยู่บ้านเกิด

คำพูดสุดท้ายหลวงพี่สว่างชายแดนใต้เสี่ยง

กรณีที่คนร้าย พร้อมอาวุธครบมือก่อเหตุยิงพระที่วัดรัตนานุภาพ หรือ วัดโคกโก อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ส่งผลให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีและเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพ พร้อมกับพระลูกวัดรวม 2 รูปและบาดเจ็บอีก 2 รูปนั้น

ล่าสุด !! เพจเฟซบุ๊ก พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ในฐานะพระเพื่อน ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของพระครูประโชติไว้ โดยระบุว่า ยอมรับว่าใจหาย สะเทือนใจ และเจ็บปวดเป็นที่สุด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้คำพูดของท่านสว่างยังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา โดยท่านเคยเล่าให้ฟังระหว่างพบเจอกันว่า บ้านเกิดของท่าน อยู่ที่บริเวณวัดโคกโก บริเวณแม่น้ำที่กั้นระหว่างเขตแดนไทยมาเลเซีย ด่านสุไหงโก-ลก ถือเป็นถิ่นหากินของตัวท่านเอง จากนั้น ได้บวชจำพรรษาอยู่ที่วัดโคกโก ตั้งแต่ยังไม่มีความเจริญ จนสามารถสร้างวัดให้มีทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนกับวัดอื่น

นอกจากนั้น ท่านสว่างยังพูดถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ว่า แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็ต้องอยู่ เพราะไม่ต้องการเห็นวัดในพื้นที่ร้าง เพราะวัดจำเป็นต้องมีพระ และแม้จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นก็จะไม่หนีไปไหน เพราะที่นี่คือบ้านของตัวเอง

ครั้งหนึ่ง ท่านสว่างทราบว่า มีวัดแห่งหนึ่งไม่มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่ชาวบ้านต้องการทำบุญ ท่านจึงใช้วิธีเดินเท้าไปหาชาวบ้านเอง โดยออกเดินทางช่วงเย็นจนถึงดึก เพื่อให้ชาวบ้านได้ทันทำบุญตอนเช้า พอเสร็จแล้วก็ต้องรีบเดินทางกลับมาที่วัดโคกโก ให้ทันเวลาเพล เพราะมีชาวบ้านรออยู่เช่นกัน

พระเพื่อนน้ำตาไหล โทรไปหา "ท่านสว่าง" ไม่รับสาย

ขณะที่เฟซบุ๊ก พระอำพล จ.นราธิวาส สุตโฆโส ได้โพสต์ข้อความว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ผมพระอำพล กราบขอขมาและกราบอโหสิกรรม ผู้เป็นต้นแบบในการยืนหยัดต่อสู้ในพื้นที่ ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับพระอาจารย์ ได้อ่านข่าวแล้วตกใจ ยังไม่เชื่อว่าเป็นข่าวจริง จึงตัดสินใจโทรไปเบอร์พระอาจารย์ แต่ไม่ติด สายไม่ว่าง จากนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวขนาดนี้

ชาวบ้านโคกโกขอพระอย่าทิ้งวัด วอนทหารมาอารักขา

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านวัดโคกโก มีความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะเกรงว่าต่อจากนี้ จะไม่มีพระภิกษุสงฆ์กล้าจำวัด และปล่อยให้วัดร้าง จึงขอร้องให้ทหารจัดเวรยามมารักษาความปลอดภัยให้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงขอร้องให้พระสงฆ์อย่าทิ้งวัด เพราะชาวบ้านเองขาดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ