svasdssvasds

ฮาจิโกะ: สุนัขที่นั่งคอยเจ้านายเป็น 10 ปี จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

ฮาจิโกะ: สุนัขที่นั่งคอยเจ้านายเป็น 10 ปี จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

เรื่องราวของคนและสุนัข ที่ถูกส่งต่อมาหลายยุคหลายสมัย แต่ยังซาบซึ้งกินใจมาจนถึงปัจจุบัน "ฮาจิโกะ" สุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งสถานีรถไฟชิบูย่า ที่นั่งคอยเจ้านายเป็น 10 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต 

ประวัติฮาจิโกะ

ฮาจิโกะ (Hachiko) คือ สุนัขสายพันธุ์ อาคิตะ อินุ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2466 ที่โรงนาในเมืองโอดาเตะ จังหวัดอาคิตะ แม้คนไทยจะคุ้นหูกันว่า ฮาจิโกะ แท้จริงแล้ว สุนัขตัวนี้ชื่อว่า “ฮาจิ” ส่วนโกะแปลว่ารูปปั้น หรือบ้างก็บอกว่า แปลว่า ท่าน

ฮาชิโกะ สุนัขผู้ซื่อสัตย์ รอเจ้านายเป็น 10 ปี จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

ฮาจิโกะ ได้พบกับ “อูเอโนะ ฮิเดซาบุโร่” ศาสตราจารย์ภาควิชาเกษตรศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ทั้งคู่พบกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2467 ในสภาพที่ฮาจิโกะอิดโรย แต่กระนั้น อูเอโนะและภรรยาก็ดูแลประคบประหงมจนฮาจิโกะสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ

อูเอโนะ ฮิเดซาบุโร่

เนื่องจากอูเอโนะเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ดังนั้น เขาจึงต้องขึ้นรถไฟไปทำงานทุกเช้า ฮาจิโกะในฐานะสัตว์เลี้ยงคู่ใจมีภารกิจอย่างหนึ่งคือ ในตอนเช้ามันจะเดินไปพร้อมกับเจ้านาย และรอจนรถไฟลับสายตาถึงกลับ และจะมานั่งรอรับเจ้านายอีกทีในตอนเย็น เรื่องเล่าว่ามันรอให้คุณอูเอโนะเดินเข้าบ้านไปก่อนถึงจะกลับ

รู้หรือไม่? สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ อินุ พบได้ที่จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ขึ้นชื่ออย่างมากเรื่องความซื่อสัตย์ เมื่อปักใจให้ใครแล้ว จะรักไปจนวันตาย

ฮาจิโกะกับการรอคอยเจ้านายผู้ไม่หวนคืนกลับ

ชีวิตประจำวันของศาสตราจารย์อูเอโนะก็เป็นเช่นนั้นร่ำไป ตื่นเช้าไปรอรถไฟที่สถานีชิบูย่า ขนาบข้างไปด้วยฮาจิโกะ ที่จะเดินไปส่งเขาทุกเช้า และทุกเย็นมันจะมานั่งรอต้อนรับอุเอโนะเพื่อเดินกลับบ้านไปพร้อมกัน

สถานีรถไฟชิบูย่าช่วงทศวรรษ 1930s

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร สายใยความผูกพันก็รัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น เป็นเวลา 16 เดือน หรือประมาณ 1 ปีกว่า ๆ ที่ฮาจิโกะได้มอบกายถวายหัวให้กับเจ้านายคนนี้ กระทั่งถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2468 อูเอโนะ ซึ่งขณะนั้นอายุ 53 ปี เสียชีวิตด้วยการเลือกออกในสมอง

ที่งานศพของศาสตราจารย์อูเอโนะ “ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังร่วมพิธีศพอยู่ ฮาชิโกะได้กลิ่นของอูเอโนะ มันคลานเข้าไปที่ใต้โลงศพ และไม่ยอมขยับไปไหนอีก

หลังจาก “เจ้านายผู้เป็นที่รัก” ลาลับไป ฮาจิโกะก็มีคนรับไปดูแลอีกหลายครั้งหลายครา กระทั่งในปี 1925 ฮาชิโกะได้มาอาศัยอยู่กับ “คิคุซาบุโระ โคบายาชิ” คนทำสวนของอูเอโนะ

แต่อย่างที่บอกไป “สุนัขพันธ์นี้เมื่อปักใจให้ใครแล้ว จะรักไปจนวันตายฮาจิโกะเริ่มทำกิจวัตรแบบเดิมอย่างที่เคยทำ คือเดินไปที่สถานีรถไฟชิบูย่าทุกเช้า และไปรอต้อนรับอีกครั้งในตอนเย็น สิ่งที่ต่างไปคือ “ไม่มีคุณอูเอโนะอีกแล้ว”

แต่เชื่อหรือไม่ว่า ฮาจิโกะเดินไปกลับสถานีรถไฟชิบูย่า “ทุกเช้า ทุกเย็น ทุกวัน” ทำเช่นนั้นเป็น 10 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ถึงตรงนี้ขอถามความคิดเห็นของคุณสักเล็กน้อย คุณคิดว่าทำไมฮาจิโกะถึงไปเฝ้ารอคุณอูเอโนะอยู่เป็น 10 ปี?

"เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกว่าเขารู้ว่า ดร.อูเอโนะ จะไม่กลับมา แต่เขาก็เฝ้ารอ ฮาชิโกะสอนเราถึงคุณค่าของการรักษาศรัทธาในใครบางคน" ทาเคชิ โอคาโมโตะ นักเรียนมัธยมปลายที่เห็นฮาจิโกะที่สถานีทุกวัน ระบุไว้ในหนังสือพิมพ์เมื่อปี 1982

นับเป็นเรื่องราวที่สวยงาม ประทับใจ และจุกอก ดังเช่นคำโปรยของภาพยนตร์เรื่อง Hachiko (2009) ที่ว่า “หัวใจพูดได้”

ลาก่อนฮาจิโกะ พวกเราจะนึกถึงนาย

คนญี่ปุ่นตื่นเช้าไปทำงาน เมื่อได้เห็นสุนัขตัวหนึ่งมานั่งรอเจ้านายที่สถานีรถไฟทุกวัน กลายเป็นเรื่องราวสุดซึ้ง และอุ้มชูหัวใจผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก 

กระทั่งในปี 1934 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มขึ้น รูปปั้นของฮาจิโกะถูกสร้างขึ้น ซึ่งข้อมูลระบุว่า แม้แต่ในวันที่เปิดตัวรูปปั้น ฮาจิโกะก็ยังไปนั่งรอคุณอูเอโนะแบบที่มันทำมาตลอด

และในที่สุดฮาจิโกะก็ได้เจอเจ้านายอีกครั้ง...

วันที่ 8 มีนาคม ปี 1935 การรอคอยเจ้านายผู้เป็นที่รักสิ้นสุด ฮาจิโกะ เสียชีวิตลงในวัย 11 ปี  โดยร่างถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติญี่ปุ่น หากใครได้ไปจะเห็นว่ามีป้ายอนุสรณ์ของฮาจิโกะตั้งอยู่ข้างหลุมศพของศาสตราจารย์อูเอโนะ

ลาก่อนฮาชิโกะ คุณอูเอโนะรอนายอยู่

รูปปั้นฮาจิโกะตั้งอยู่ที่ไหน?

ทำให้ในวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ประเทศญี่ปุ่นจะถือเป็นวันที่รำลึกและบำรุงรูปปั้นแกะสลักของฮาจิโกะ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่ Hachiko Square (ฮาจิโกะ สแควร์) ใกล้ทางข้ามม้าลายยักษ์ห้าแยกชิบูย่า

โดยรูปปั้นจะตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางออกประตู หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Hachiko Exit ของสถานีรถไฟชิบูย่า เพราะประตูที่ฮาจิโกะมานั่งรอเจ้านายกลับบ้านนั่นเอง

Hachiko Square ที่สถานีรถไฟชิบูย่า

เรื่องราวของฮาจิโกะ อาจชวนนึกถึงสัตว์เลี้ยงที่เรารักมากสักตัว แม้จะยังอยู่ด้วยกัน หรือจากลากันไปแล้วก็ตาม แต่พอนึกถึงวันที่เราเหน็ดเหนื่อยจากโลกข้างนอกมา การได้มีเจ้าพวกนี้อยู่ใกล้ ๆ อย่างน้อยโลกที่หม่นเทา ก็มีสีสันสดใสขึ้นมาได้บ้าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related