ป่าแอมะซอนมีอัตราการลักลอบตัดไม้ลดลง 30% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แอมะซอนสูญเสียพื้นที่ป่าไปมากแค่ไหน?

ทราบกันดีอยู่แล้วว่าป่าแอมะซอนนั้นมีความสำคัญต่อโลกนี้แค่ไหน ถึงขั้นได้ฉายาว่า “ปอดของโลก” แต่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แอมะซอนเผชิญกับปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า

ข้อมูลจาก Infoamazonia ระบุว่า ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ป่าแอมะซอนสูญเสียพื้นที่ป่าสีเขียวไป 54.2 ล้านเฮกตาร์ ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดี ลูอิส อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา จึงให้คำมั่นว่าจะการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าแอมะซอนต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซากภายในปี 2573

เดือนกุมภาพันธ์ 2567 อัตราการตัดไม้ลดลง 30%

ซึ่งล่าสุดก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เมื่อ INPE หน่วยงานวิจัยอวกาศเปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจ โดยระบุว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2567 แอมะซอนสูญเสียพื้นที่ป่าไป 226 ตารางกิโลเมตร

แม้สถิติจะบอกว่า สุดท้ายก็ยังมีคนแอบลักลอบตัดไม้อยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนลดน้อยลง เมื่อเทียบกับกุมภาพันธ์ปี 2566 ที่มีคนแอบตัดไม้แบบผิดกฎหมายจนสูญเสียพื้นที่ป่าไป 322 ตารางกิโลเมตร

การลักลอบตัดไม้ในแอมะซอน ป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้ไม่ตก การรณรงค์อย่างเดียวไม่พอ การใช้ “ไม้แข็ง” ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษน่าจะเป็นวิธีที่เห็นผลได้แบบทันตาเห็น

เปิดแผนเซฟป่าแอมะซอน

แต่อย่างไรก็ดี มารินา ซิลวา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมบราซิล ก็ได้ออกแผนการทำงานเพื่อเซฟป่าแอมะซอนเอาไว้แล้ว หรือที่คนรู้จักในชื่อแผน “PPCDAM” สปริงลิสต์มาให้ดังนี้

• ร่วมมือกับรัฐมนตรี 15 กระทรวง เพื่อแก้ไขปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าในบราซิลอย่างจริงจัง
• ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะภาพถ่ายจากดาวเทียม ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรวบรวมและติดตามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการทำเหมืองแร่และปศุสัตว์ผิดกฎหมาย 
• พัฒนาระบบการรับรองและจดทะเบียนแหล่งที่มาของไม้และสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันและลดโอกาสการลักลอบใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศที่เปราะบางอย่างผิดกฎหมาย
• กำหนดมาตรฐานของโฉนดที่ดินและสร้างแรงจูงใจสำหรับการทำการเกษตรแบบยั่งยืน รวมถึงกิจกรรมและโครงการรักษ์โลกอื่นๆ ในสังคมทุกระดับ
• ประกาศต่อสู้กับการก่ออาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ที่รุกล้ำและลักลอบสร้างความเสียหายให้กับผืนป่าที่มีต้นไม้ใหญ่อายุเก่าแก่
• ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและเพิ่มการเพาะปลูกพืชพื้นเมืองผ่านการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เพื่อการอนุรักษ์และการจัดการป่าอย่างยั่งยืน
• ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่บรรดาผู้ผลิต พร้อมทั้งจัดหาโครงสร้างขั้นพื้นฐานทางพลังงานและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงองค์ความรู้และช่วยกันรับมือกับปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมบราซิลนี้ร่วมกัน
• เพิ่มเขตพื้นที่อนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่สำคัญของบราซิล รวมถึงอีกหลายประเทศในแถบลาตินอเมริกา

ที่มา: REUTERS

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ป่าฝนแอมะซอนอาจเสื่อมโทรมเร็วภายในปี 2050 เพราะโลกร้อนและน้ำมือมนุษย์
• โลกร้อนทำน้ำบริเวณปากแม่น้ำแอมะซอนมีรสเค็ม ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีน้ำใช้
• ป่าฝนแอมะซอนแย่แล้ว แล้งรุนแรงขึ้น 30 เท่า ทำสัตว์ใกล้สูญพันธุ์