ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ชาวอังกฤษส่วนใหญ่มีความรู้สึกและความทรงจำที่ไม่ดีนัก กับการที่รัฐบาลอังกฤษหรือตัวนายกรัฐมนตรีอังกฤษตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารโดยพลการ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ
ปี 2546 : นายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในเวลานั้น ตัดสินใจส่งทหารเข้าร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯในยุคนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เป็นประธานาธิบดี เพื่อโจมตีอิรัก จากสาเหตุที่ว่า ประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักในตอนนั้น ครอบครองอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่า ซัดดัมครอบครองอาวุธอยู่จริง
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดข้อตกลงที่ว่า การที่อังกฤษจะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯก่อนเท่านั้น
ปี 2556 : นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องการจับมือกับสหรัฐฯในการเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย แต่ด้วยมีข้อตกลงว่า การที่อังกฤษจะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯเสียก่อน ซึ่งสภาฯมีมติคัดค้าน มิเช่นนั้น อังกฤษคงได้ร่วมปฏิบัติการถล่มซีเรียกับสหรัฐฯไปแล้ว
ปี 2561 : ชาวอังกฤษกลับมาเจอกับฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจร่วมกับสหรัฐฯโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธ 100 กว่าลูก ก่อให้เกิดคำถามในประเด็นทางกฎหมายและข้อตกลงที่มีไว้ ซึ่งนางเทเรซา เมย์ไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่การหารือของสภาฯก่อน แต่กลับตัดสินใจโดยพลการเอง ร่วมถล่มซีเรียตามตูดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคำถามที่ชาวอังกฤษค้างคาใจว่า ทำไมอังกฤษต้องตามตูดสหรัฐฯทุกครั้งไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม :
16 เมษายน 61
ยังคงตึงเครียด! สหรัฐฯยืนยัน ไม่ถอนทหาร ยังคงล็อคเป้า และพร้อมยิงซีเรียได้ทุกเมื่อ
กระแสต่อต้านนางเทเรซา เมย์ กำลังคุกรุ่น หลังจับมือกับสหรัฐฯร่วมถล่มซีเรีย โดยไม่ผ่านสภาฯ
14 เมษายน 61
โลกระทึก! สหรัฐฯและชาติพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการโจมตีซีเรีย
‘อังกฤษ-ฝรั่งเศส’ หนุน ‘ทรัมป์’ ถล่มซีเรีย
ซีเรียและรัสเซียเผยศักยภาพสุดภูมิใจ สกัดขีปนาวุธของสหรัฐฯได้เกือบทั้งหมด
ย้อนไทม์ไลน์ เปิดสาเหตุ ‘สหรัฐฯสั่งโจมตีซีเรีย’