รู้จักสัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดหัวใจ

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจแบ่งเป็น 2 รูปแบบตามลักษณะอาการ คือ

1. แบบเรื้อรัง อาการลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่จะเกิดขึ้นจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือด ทำให้มีการตีบแคบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มักเกิดในบุคคลที่มีความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีอาการบ่งชี้ดังนี้ แน่นหน้าอกคล้ายมีบางอย่างมากดทับ รู้สึกร้าวไปกรามและทั้งแขนด้านซ้าย ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการออกแรง และจะอาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาใต้ลิ้น นอกจากนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติอีกด้วย

2. แบบเฉียบพลัน อาการจะเกิดขึ้นโดยไม่เลือกเวลา อาจมีอาการในขณะทำงาน เล่นกีฬา หรือช่วงเวลาพักผ่อนก็มีโอกาสเกิดอาการขึ้นได้เช่นกัน ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันส่วนใหญ่แล้วจะมาพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกที่รุนแรง มีเหงื่อออก ใจสั่น และปวดร้าวไปกราม สะบักหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย บางรายมาด้วยอาการจุกลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือด และมีลิ่มเลือดมาจับตัวบริเวณนั้น เมื่อลิ่มเลือดมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตเฉียบพลันทันทีจากภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง ดังนั้น หากพบว่ามีอาการบ่งชี้ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ถูกวิธีและรักษาชีวิตได้อย่างปลอดภัย

ในกรณีที่พบผู้ป่วยหมดสติจากหัวใจวาย การกู้ชีพเบื้องต้นโดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมและนำส่งโรงพยาบาลในทันทีอาจช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ สำหรับการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 3 วิธี คือ การรักษาด้วยยา, การขยายหลอดเลือดแดงด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยัน และการรักษาด้วยการผ่าตัดเบี่ยงเบนหลอดเลือดหัวใจหรือการทำบายพาส

ฉะนั้นให้หมั่นสังเกตอาการให้ดี อย่าละเลยสัญญาณเตือนของอาการบ่งชี้ข้างต้น เพื่อปีใหม่จะได้มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง