svasdssvasds

Sex Education ภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้ง และปัญหาด้านเพศศึกษาของไทย

Sex Education หรือ เพศศึกษา แท้จริงแล้วไม่ได้มีมิติเพียงด้านเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิตโดยปกติของมนุษย์ ที่จะส่งผลต่อบริบททางเพศ การคิด การตัดสินใจ นำไปสู่พฤติกรรมต่างๆ การปฏิรูปด้านการศึกษาเรื่องเพศจึงสำคัญมาก

Sex Education ภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้ง และปัญหาด้านเพศศึกษาของไทย

Sex Education ไม่ได้หมายถึงเพศสัมพันธ์อย่างเดียว หากเราหลุดจากความคิดนั้นได้ เรื่องเพศจะกลายเป็นชีวิตประจำวัน พูดได้ทุกวัน พูดได้ทุกวัยไม่ว่าเด็กคนนั้นจะอายุเท่าไหร่ เมื่อเขารู้ความ เขาจะเรียนรู้เรื่องเพศได้ทันที เรียนรู้เรื่องง่ายๆ ตั้งแต่สิทธิเนื้อตัวร่างกายของเขาได้เองโดยธรรมชาติ

อโนพร เครือแตง หรือ เมย์ นักจิตวิทยาและผู้ก่อตั้งไลฟ์ สกิลส์ (ไทยแลนด์) กล่าวถึงความสำคัญของเรื่องเพศศึกษาว่า เมย์ทำงานเป็นนักจิตวิทยา ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ Family therapy ปัญหาครอบครัว Anger management ทำมาสักพักก็จะเห็นว่า รากของปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากระบบเพศ ระบบโครงสร้างชายเป็นใหญ่ หลายๆ อันมันทับซ้อนจนคนมองไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องเพศ คนเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องอื่น คนเข้าใจว่าเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความสัมพันธ์ที่เหินห่างหมางเมิน แต่จริงๆ แล้วมันมีระบบความคิดของเรื่องเพศมากำกับอยู่ภายใต้ปัญหาเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา เราก็เลยมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องจำเป็นแล้วล่ะ ไม่ใช่เรื่องที่คุณโตมาแล้วจะเรียนรู้เอง เพราะว่าสิ่งที่คุณเรียนรู้มามันไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง มันเป็นค่านิยมของสังคมในยุคนั้นๆ แต่ละช่วงวัยก็จะต่างกัน

ความมืดบอดในเรื่อง เพศศึกษา คือต้นเหตุสำคัญของหลายปัญหาในสังคมไทย

ค่านิยมเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม วัฒธรรม หรือไม่

อโนพร กล่าวว่า มีส่วนมากๆ เลย เพราะเวลาเราเติบโตสภาพแวดล้อมหล่อหลอมให้เราเป็นเรา คนรอบๆ ตัวเรา ชีวิตเราตามช่วงวัยส่งผลกับแนวความคิด ส่งให้เราเชื่อบางอย่าง เลือกบางอย่าง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ รักษาความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะบอกว่า วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของไทย มีส่วนกำหนดบทบาททางเพศ สร้างปัญหาให้กับระบบเพศมาก

เรื่องเพศมันไม่ใช่มิติของเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว เวลาเราพูดเรื่องเพศคนก็จะนึกถึงลำดับแรกๆ ว่ามันคือการพูดถึงอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องเพศมันเป็นเรื่องของชีวิตประจำวัน มันอยู่ในทุกภาคส่วนของชีวิตประจำวันของคุณเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า เช้านี้คุณเลือกเสื้อผ้าแต่งตัวมาก็เป็นฐานคิดเรื่องเพศแล้ว

การปฏิรูปการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษา

รัฐบาลมีความพยายามที่จะปฏิรูปเรื่องเพศศึกษา โดยปีที่ผ่านมารัฐบาลมีการแก้ไขตำรา เช่น ตำราสุขศึกษา สพฐ. แก้บริบทเรื่องเพศในตำราหลากหลายแบบ แก้เรื่องความหลากหลายทางเพศ แก้เรื่องนิยามของการมีครอบครัว ครอบครัวหลากหลาย ครอบครัวไม่ใช่เท่ากับพ่อแม่ลูก ครอบครัวคือ คนที่มาอยู่รวมกัน มีความรักมีการดูแล ปกป้องซึ่งกันและกัน โดยไม่ได้มีคำจำกัดความของสายเลือดเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็นับว่าทำมาได้ประสบผลสำเร็จ ตำราสุขศึกษาถูกเปลี่ยน แต่ยังไปไม่สุด เพราะว่าตำราเปลี่ยนแต่ค่านิยมคนที่ใช้ตำรา คนที่สอนตำรายังไม่เปลี่ยนเลย ดังนั้นเราก็จะเจอการตีความตำรา ด้วยภูเขาน้ำแข็งแบบเดิมๆ ภูเขาน้ำแข็งที่มันเป็น 20 ปีก่อนที่เขาเรียนมา 

ครอบครัวหลากหลาย ครอบครัวที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือครอบครัวที่มีแม่สองคน ครอบครัวที่มีพ่อสองคน กลายเป็นว่าตำราบอกว่าครอบครัวเหล่านี้มีจริง คนสอนก็บอกว่าครอบครัวเหล่านี้มีจริง แต่คนสอนไม่ได้พูดว่าเราจะต้องเคารพในความแตกต่างหลากหลาย คนสอนบอกว่าเราต้องเห็นใจแล้วก็สงสารเขานะที่เขามีไม่เหมือนเรา

สิ่งที่ต้องการคือ คุณค่าของคนเท่ากัน โดยไม่ได้มีเพศมากำกับสิ่งนั้น คุณค่าของคนอยู่ที่เขากระทำอะไร กระทำต่อใคร กระทำอย่างไร มันเลยย้อนแย้ง เมื่อตำราพูดแบบหนึ่ง แต่การตีความเป็นแบบหนึ่ง สร้างความสับสนให้กับเด็กที่เขามีชุดข้อมูลอีกแบบหนึ่งจากการค้นหาข้อมูลจากโลกอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก

Sex Education

ควรแก้อย่างไรให้ตรงจุด

เด็กยุคใหม่ สามารถเรียนรู้อะไรๆ เองได้หลายอย่าง ข้อมูลค่อนข้างเปิดกว้างในโลกอินเทอร์เน็ต เขาจึงได้รับชุดข้อมูลหนึ่งนอกเหนือจากที่เรียนมาอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่ค่อนข้างปัจจุบันกว่า เข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายกว่า นี่จึงทำให้ก็เกิดข้อจำกัดอีกรูปแบบหนึ่ง

สิ่งที่เขาเรียนรู้ก็เข้าไปตบตีกับภูเขาน้ำแข็งในโรงเรียน กลายเป็นภูเขาใหญ่ๆ สองลูกชนกัน อันหนึ่งเป็นข้อมูลในปัจจุบัน อันหนึ่งเป็นภูเขาข้อมูลโบราณที่โรงเรียนใช้อยู่ ภูเขาสองลูกนี้ก็จะชนกันตลอดเวลา ส่งผลให้พฤติกรรมเด็กมีความย้อนแย้ง พฤติกรรมเด็กมีการประมวลผลได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น ระหว่างความจริงที่เขาสัมผัสได้กับค่านิยมรอบๆ ตัวเขา คุณค่าของความงาม เช่น ความขาว ความผอม ความสวยในรูปแบบของสังคมนิยม กับความสวยทีเขารับรู้โดยทั่วกันในโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้ว่าจริงๆ แล้วคุณสวยในแบบของตัวคุณเอง แต่คนรอบๆ ก็ยังชอบคนขาวผอมอยู่เลย นี่คือภูเขาน้ำแข็งสองลูกที่มาชนกัน ถามว่าเป็นเรื่องเพศไหม เป็นเรื่องเพศนะ เพราะว่า เราให้คุณค่ากับเพศหญิงที่มีรูปแบบบางรูปแบบเท่านั้น

เมย์ อโนพร ยังกล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า ผู้ชายก็มีความทุกข์ในอีกแบบหนึ่งจากระบบเพศ เวลาที่เราพูดว่าโครงสร้างชายเป็นใหญ่ คนก็จะมองว่า ผู้ชายได้เปรียบสินะ แต่จริงๆ แล้ว ระบบนี้ทำร้ายทั้งสองเพศ ผู้ชายก็ทุกข์ทรมานกับกรอบนี้ไม่ใช่น้อย ผู้ชายที่เติบโตมาไม่อยู่ในกรอบเพศของความเป็นชาย ก็จะถูกเหมารวม ถูกตีตรา ถูกลดทอนคุณค่า ผู้ชายบ้านไหนที่ไม่ได้เป็นผู้นำครอบครัว ผู้ชายบ้านไหนที่ไม่ได้หาเลี้ยงครอบครัว ผู้ชายบ้านไหนที่มีเงินเดือนน้อยกว่าภรรยา เขาก็จะถูกคนรอบๆ ตัวพูดอะไรบางอย่างที่ลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีเขา แต่จริงๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องของคนในครอบครัว ถ้าเขาตกลงกันได้ ครอบครัวมีความสุข แบ่งหน้าที่กันชัดเจนนั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัวเขา

อุปสรรคใหญ่คือภูเขาน้ำแข็งจริงๆ มันแนบเนียน มันอยู่กับเราตลอดเวลา ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น Sex Education เกี่ยวกับเนื้อตัวร่างกายมันก็ค่อนข้างเห็นชัด เรามี พ.ร.บ.อนามัยเจริญพันธุ์ ที่พูดถึงการยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างเสรี ในตอนนี้ประเทศไทยกฎหมายนี้ผ่าน ถ้าเกิดว่าการตั้งครรภ์ทำให้รู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี ไม่พร้อม ก็สามารถเดินไปยุติการตั้งครรภ์ได้ แต่เราก็มี พ.ร.บ.อีกตัวหนึ่งที่เป็นมาตรา 301 บอกว่า จะต้องถูกการยุติการตั้งครรภ์โดยแพทย์ 

แพทย์สามารถเลือกได้ว่าจะทำเคสนี้หรือไม่ทำเคสนี้ สามารถเลือกปฏิบัติได้จากกฎหมายนี้ แพทย์บางคนที่มีภูเขาน้ำแข็งเกี่ยวกับจารีตประเพณี ศาสนา ที่แข็งแรงมากก็ไม่ทำนะ เขาไม่ได้มองว่าเป็นสุขภาวะทางเพศที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องได้เข้ารับการดูแล หรือครอบครัวหนึ่งต้องการจัดการกับสิ่งนี้เพื่ออนามัยในครอบครัว เพื่อสภาพเศรษฐกิจในครอบครัว แต่เขามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องศาสนาที่เขายึดมั่นยึดถือที่เขาไม่โอเคที่จะทำ

กฎหมายกับความเท่าเทียมในประเทศไทย

กฎหมายบ้านเราไม่ได้สร้างความเท่าเทียมที่แท้จริง ปัจจุบันกฎหมายบ้านเราก็เอื้อประโยชน์ให้บางเพศมากกว่าบางเพศอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าสสมุติว่าเราเอากฎหมายมาเป็นบรรทัดฐาน Sex Education ก็ยิ่งจำเป็น เพราะตอนนี้มันไม่ได้ประโยชน์กับคนเท่ากัน ก็ค่อยๆ ทำไปทีละมาตรา เหมือนกับ พ.ร.บ.อนามัยเจริญพันธุ์ ก็พึ่งบังคับใช้ได้ไม่นาน

เรื่องระบบการศึกษา ผู้สอน ผู้ที่ถ่ายทอดสรรพวิชาต้องมีชุดความรู้เรื่องนี้ เพื่อที่จะมองว่ามนุษย์เท่ากับมนุษย์ ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายมีศักยภาพเท่ากัน เมื่อไหร่ที่มองเรื่องเพศพ้นจากเรื่องเพศสัมพันธ์ไปได้ จะรู้ว่าเรื่องเพศเป็นชีวิตประจำวัน พูดได้ทุกวัน พูดได้ทุกวัย ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะอายุเท่าไหร่ เมื่อเขารู้ความ เขาจะเรียนรู้เรื่องเพศได้ทันที เรียนรู้เรื่องง่ายๆ ตั้งแต่สิทธิเนื้อตัวร่างกายของเขา 

การอุ้มเด็กคนหนึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขออนุญาต ไม่ใช่อยู่ดีดีก็เดินไปอุ้มได้ หรือการบอกว่าไปอยู่กับป้าเขาสิลูก ให้ป้าเขาหอมสิลูกป้าเขารัก อันนี้คือการกดดันเด็กให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ยินดี หรือไม่ยินยอมในอารมณ์นั้นๆ มันทำให้เขาเรียนรู้เช่นเดียวกันว่า เขาต้องทำบางสิ่งเพื่อแลกมาด้วยความรัก เมื่อวันหนึ่งที่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น แล้วมีใคร install password มาลักษณะนี้ เช่น ทำไมไม่ยอมพี่ล่ะ ไม่รักพี่เหรอ ก็คือ password correct เขาจะยอมทันทีเพราะเขาโดนกดดันมาแบบนั้น แล้วก็ถูกผลักดันมาแบบนั้น ว่าเวลาที่เราจะอยากให้ใครรักเราต้องทำบางอย่าง นี่ก็คือเรื่องเพศ แต่ว่ามันไม่ถูกมองเห็นชัดเป็นรูปธรรมหรือจับต้องได้ เป็นเรื่องข้างในนี้ที่ส่งผลตลอดอายุ ดังนั้นคุณจะไม่รู้ว่ามีมันอยู่ถ้ามันไม่ถูกคลี่ออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้ให้เห็นชัดๆ ว่า อะไรเกิดจากอะไร

sex education

กิจกรรมและปัญหาที่เกิดขึ้น

เมย์ อโนพร กล่าวว่า แต่ละกลุ่มมีปัญหาเดียวกัน แต่วิธีตั้งคำถามเขาจะแตกต่างกัน แต่ละกลุ่มก็มีปัญหาจากบรรทัดฐานเพศที่ไม่เท่าเทียมกัน เขาจะมาด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน เช่น กลุ่มวัยรุ่นเข้าร่วมกิจกรรม Sex Education ของเรา เพราะว่าต้องการอยากรู้อยากเห็น บางคนก็อยู่ในขั้นทดลอง บางคนก็ค้นหาตัวตน ติดขัดและสงสัยบางอย่างจังเลยว่าต้องจัดการอย่างไร ก็จะมีชุดคำถามบางอย่างที่ตำราเรียนตอบเขาไม่ได้ เช่น หนูอยากมีหน้าอกกินยาคุมแล้วจะอกใหญ่ไหม ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องอธิบายให้ชุดความรู้ตรงนี้ไปว่า จริงๆ มันทำไม่ได้เพราะมันเป็นฮอร์โมนคนละตัวกัน

“กลุ่มผู้ใหญ่มาเรียนเรื่อง Sex Education เขาก็จะมีธงมาแบบผู้ใหญ่ว่า เขาจะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้ลูกหลานเขาออกนอกลู่นอกทาง ไม่ไปมีเพศสัมพันธ์ของวัยอันควร เราก็จะมีกิจกรรมที่พาคิดแบบ mind map คิดว่าจะไปสอนลูกอย่างไร คิดจากตัวเองก่อนว่าถูกสอนมาอย่างไร อะไรทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งแบบนี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาเห็นว่าเรื่องเพศมันอยู่รอบๆ ตัวเขาตลอด เขาจะสอนเด็กได้ง่ายมาก เขาจะสอนเด็กได้ในทุกเวลา มีคุณแม่ที่กลับมาแชร์กับเราว่า เรียนไปเมื่อวาน เมื่อคืนนี้ไปรับลูกแล้วไปอยู่ที่ร้านอาหารพูดคุย เขาก็เห็นว่าจริงด้วย เรื่องเพศมันคุยได้และคุยกับเพื่อนลูกก็ได้ด้วย คุยกับแม่เพื่อนลูกก็ได้ด้วย พึ่งรู้นะว่ามันคือทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน ง่ายจังเลย แต่เมื่อก่อนนี้มันแกะไม่ออก คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องเพศเท่ากับเพศสัมพันธ์”

กิจกรรมเกี่ยวกับ Sex Education จะตั้งคำถามง่ายๆ สั้นๆ ว่า ภูเขาน้ำแข็งของตัวเองเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น สมมุติว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เรารู้จัก น้องคนนั้นมีผู้ชายมากหน้าหลายตามารับจากโรงเรียนทุกเย็นเลย แล้ววันหนึ่งน้องก็ท้อง ต้องลาออกจากโรงเรียน ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในสมองของคุณคืออะไร คำตอบที่ได้รับมาค่อนข้างหลายรูปแบบมาก อาทิ เด็กไม่มีข้อมูลเรื่องการป้องกันเรื่องเพศสัมพันธ์, เด็กไม่รู้จักเรื่องการกินยาคุม, เด็กไม่รู้จักเรื่องการใช้ถุงยาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามได้อีกว่า คนเราท้องได้กี่วิธี ก็จะมีคำตอบว่า ถุงแตก ถุงรั่ว ป้องกันแล้วแต่พลาด นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า เด็กเขารู้แต่ว่ามันเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรืออาจนำไปสู่คำตอบ การถูกละเมิด ถูกข่มขืน หรือความตั้งใจ หรือจริงๆ แล้วเด็กอาจจะเจอใครสักคนที่เขามั่นใจแล้วว่ารักเขา แล้วร่ำรวยพอที่จะเลี้ยงเขาให้มีความสุข เขาจึงเลือกทางนี้ ซึ่งมีตั้งหลายวิธี แต่คำตอบจะไม่ใช่เด็กใจแตก เด็กท้องไม่พร้อม หรือว่าเด็กแรด มันไม่ใช่เลย ดังนั้น ถ้าคุณยกเรื่องเพศสัมพันธ์ออกไปจากมิติของเรื่องเพศเมื่อไหร่ จะเห็นแง่มุมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับบรรทัดฐานเพศ คือภูเขานี้มันอยู่กับเรามาตลอดชีวิต แล้วมันไม่ผิดด้วยที่ความคิดแรกเราจะเป็นแบบนี้ เพราะว่าเราถูกสอนมาแบบนี้ เราเห็นภาพที่โรงเรียนเป็นแบบนี้ เราเห็นสื่อนำเสนอแบบนี้ 

เมย์ ยังเล่าว่าเธอเคยถามเด็กยุคนี้ว่า เวลาได้ยินคำว่า ทำแท้ง มีภาพอะไรอยู่ในหัวบ้าง คำตอบที่ได้รับก็คือ ภาพแรกจะเห็นเป็นห้องมืดๆ ทึมๆ ขึ้นขาหยั่ง เลือดสาด ซึ่งแท้จริงแล้วภาพนี้น่าจะเป็นภาพของเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ในปัจจุบันการยุติการตั้งครรภ์ค่อนข้างปลอดภัยมาก เป็นห้องสว่างไสว ไปตรวจสุขภาพแล้วก็ทานยา 2 เม็ด และยังต้องถูกกระทำโดยแพทย์เท่านั้น เพราะว่าแต่ละคนมีสุขภาพไม่เหมือนกัน คำนวณโดสยาไม่เหมือนกัน การซื้อยากินเองไม่ปลอดภัย 

ถ้าเราต้องแกะปมเชือก ปมต่อไปคือปมอะไร

ทุกคนมีปมเดียวกันก็คือ Gender equality ปมของคนนี้ก็มาซ้อนกับคนนี้ มันคงต้องแกะที่ระบบการศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก มันยากมากที่เราจะเข้าถึงชุมชนเล็กๆ อย่างครัวเรือน ผู้ใหญ่ที่อยู่กับเด็กแล้วไม่มีชุดข้อมูลเรื่องนี้ แน่นอนว่าเขาจะส่งต่อภูเขาน้ำแข็งแบบเดิมๆ 

ถ้าอยากให้เปลี่ยน มันจะต้องเริ่มเปลี่ยนที่โรงเรียน ครู ตัวเด็ก แล้วก็ถ่ายทอดสู่ลูกหลานของเด็กอีกทีในอนาคต ถามว่าเปลี่ยนได้ไหม ระยะใกล้เคียงที่สุดแล้วเท่าที่มองน่าจะเป็นไปได้เร็วที่สุดก็ 20 ปี คือหนึ่งเจเนอเรชันที่เติบโตและมีลูกหลาน แล้วสอนลูกหลานด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ ด้วยไอเดียใหม่ สอนลูกหลานว่างานบ้านคือของทุกคนในบ้าน งานบ้านเท่ากับทุกคนในบ้านช่วยกันทำ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ชาย น้องชาย หรือลูกสาว งานบ้านไม่ใช่เรื่องของลูกสาวที่นั่งทำอยู่คนเดียว แล้วลูกชายไปเตะบอลเล่นได้ นี่คือเจเนอเรชันใหม่ที่จะสอนลูก

มนุษย์เราไม่มีใครที่สามารถบังคับใครให้เรียนรู้ได้ มนุษย์จะเรียนรู้เมื่ออยากเรียนรู้เท่านั้น ดังนั้น การอยากเรียนรู้ เขาต้องถูกกระตุ้นจากสิ่งอื่น เช่น การชักชวนจากคนที่เขาพึงพอใจ หรือการบอกเล่าจากคนที่เขาเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท หรือครูบางคนที่เขานับถือ ก็จะสร้างการเปิดใจได้ประมาณหนึ่ง แต่แน่นอนว่าก็จะตีกับภูเขาเก่าบ้าง ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้เวลา

Sex Education ภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้ง และปัญหาด้านเพศศึกษาของไทย

Sex Education ภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้ง และปัญหาด้านเพศศึกษาของไทย

Sex Education ภูเขาน้ำแข็ง ความขัดแย้ง และปัญหาด้านเพศศึกษาของไทย