svasdssvasds

พาเที่ยวดินแดนแห่งความตาย : พีระมิด ที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ

พาเที่ยวดินแดนแห่งความตาย : พีระมิด ที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ

เยือน พีระมิด ดินแดนแห่งความตาย ผ่านการเที่ยวเสมือนจริง กับ Tomb of Ramesses VI หนึ่งในสุสานที่สวยที่สุดในหุบเขาแห่งกษัตริย์ในลักซอร์ หลุมฝังศพของฟาโรห์รามเสสที่ 6 ภายในบรรยายเรื่องราวผ่านภาษาภาพ อักษรเฮียโรกลีฟฟิกอันรุ่งเรืองในสมัยอิยิปต์โบราณ

  • ชาวอียิปต์เชื่อเรื่องหลังความตายและยกย่องฟาโรห์ว่า เป็นเทพเจ้ามาจุติในร่างมนุษย์ เมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ ตัวตนของฟาโรห์จะยังคงอยู่ และต้องการที่อาศัยบนโลกมนุษย์ จึงสร้าง พีระมิด ขึ้นมาเพื่อเป็นที่เก็บรักษาศพของฟาโรห์ ที่ต้องผ่านกระบวนการ Mummificaion หรือการทำมัมมี่ ให้เป็นที่อาศัยของ Ka (จิตวิญญาณของฟาโรห์)

พีระมิด หนึ่งในสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ และดินแดนแห่งความตาย (city of dead) อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ เพื่อสื่อสารชีวิตหลังความตายไปกับตะวันตกดิน พีระมิดถูกสร้างขึ้นในยุคอาณาจักรเก่า ประมาณปี 2601-2515 ก่อนคริสตศักราช โดยกษัตริย์ 3 พระองค์ ของอียิปต์ คือ ฟาโรห์เมนเคอเร ฟาโรห์คาเฟร และฟารโรห์คูฟู

อียิปต์โบราณนั้นมีการแบ่งหน้าที่ของชนชั้นอย่างชัดเจน มีชนชั้นพระที่คอยตอบสนองเรื่องความต้องการทางด้านจิตใจ มีนักรบคอยป้องกันดินแดน และยังสามารถถ่ายโอนแรงงานที่เป็นเกษตกรมาเป็นแรงงานกรรมกรเพื่อก่อสร้างสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่เช่นพีระมิดได้อย่างไม่ยากเย็น

เมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ ตัวตนของฟาโรห์จะยังคงอยู่ และต้องการที่อาศัยบนโลกมนุษย์ ชาวอียิปต์จึงหาวิธีรักษาพระศพของฟาโรห์ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Mummificaion ให้เป็นที่อาศัยของ Ka (จิตวิญญาณของฟาโรห์) เหลือไว้แต่หัวใจที่จะทิ้งไว้ภายในศพ เพราะเชื่อว่า หัวใจคือศูนย์รวมแห่งปัญญาและความรับรู้ทั้งปวง ที่ผู้ตายยังต้องการใช้ในโลกแห่งวิญญาณ และพีระมิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บรักษาพระศพ

ในช่วงเวลาที่ Covid 19 ระบาดนี้ การท่องเที่ยวต่างประเทศคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โอกาสในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ของชีวิต อาจจะต้องเลื่อนหรือยกเลิกไปเลยก็เป็นได้ (ซึ่งก็ยกเลิกไปหลายทริป) แต่ยังมีความโชคดีอย่างหนึ่งที่อยู่ในยุคการติดต่อแบบไร้พรมแดน คือการท่องเที่ยวผ่านโลกเสมือนจริง Visual tour ที่กลายเป็นตัวเลือกอย่างหนึ่งที่เข้ามาทดแทนไว้ก่อนในระหว่างกักตัว

ดินแดนแห่งความตาย ไม่ใช่มีเพียงพีระมิดเท่านั้น แต่ยังมีสุสานของนักบวช ขุนนาง และเหล่าบรรดาผู้รับใช้ของฟาโรห์ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์

ณ โถงทางเข้าด้านหน้าของสุสานของฟาโรห์รามเสสที่ 6 ที่สร้างจากอิฐสีขาว เมื่อหันหลังกลับไปมอง ตัดกับสีท้องฟ้าเจิดจ้า หากได้เห็นสถานที่จริง คงประทับใจมากแน่นอน Tomb of Ramesses VI เป็นหนึ่งในสุสานที่สวยที่สุดในหุบเขาแห่งกษัตริย์ในลักซอร์ เป็นหลุมฝังศพของ ฟาโรห์รามเสสที่ 6 ที่มีการทาสีผนัง และการสลักที่ประณีตและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

พาเที่ยวดินแดนแห่งความตาย : พีระมิด ที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ โถงทางเข้าด้านหน้าสุสานของฟาโรห์รามเสสที่ 6

ภายในพื้นที่มีการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงโดยข้างในเป็นกำแพงสีขาว สุสานแบ่งเป็น 3 ชั้น การขุดลึกลงใปให้มีชั้นใต้ดิน เพื่อการเก็บรักษาพระศพของฟาโรห์  และผนังภายใน มีการแกะสลักหิน แสดงถึงการบูชาและเข้าเฝ้าเทพเจ้า การส่งผ่านและการไปเกิดใหม่ยังทิศตะวันออกเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น การสร้างสิ่งต่างๆผ่าน ทางภาษาภาพ หรืออักษรเฮียโรกลีฟฟิก

เพียงแค่การซูมกล้องเข้าไปใกล้ๆ ก็สามารถเห็นรายละเอียดยิบย่อยของช่างสมัยโบราณที่ผ่านมาเป็นพันปีๆ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า เขามีการเรียนรู้ฝึกฝนกันอย่างไร ถึงได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไว้ และจินตนาการของคนสมัยโบราณเขาคิดกันได้อย่างไร ถึงสร้างตัวอักษร และภาพประกอบที่ผู้คนในปัจจุบัน ไม่อาจนึกคิดได้ และยังคงอยู่ยาวนานตราบจนเราได้เห็นเกิดมาได้พบเห็น สถานที่ว่าน่าทึ่งแล้ว ความสามารถของมนุษย์นั้น น่าทึ่งยิ่งกว่า

พาเที่ยวดินแดนแห่งความตาย : พีระมิด ที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ เพดานทั้งหมดตกแต่งด้วยฉากและข้อความทางดาราศาสตร์ กำแพงได้รับการตกแต่งของสุสานประกอบด้วยตำราศพต่างๆ เพื่อช่วยกษัตริย์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตหลังความตาย รวมถึง Book of Gates, Book of Caverns, Amduat และ Book of the Dead

รูปทรงของพีระมิด เป็นทรงเรขาคณิต 3 มิติ ฐานสี่เหลี่ยมและยอดบรรจบกัน สาเหตุที่สร้างรูปทรงนี้ไม่เป็นที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานได้หลากหลายความเชื่อ บางความเชื่อมากจากจินตนาการถึงเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ (Run God Re) และก้อนหินที่มีรูปทรงพีระมิด แทนรัศมีของดวงอาทิตย์ บางความเชื่อกล่าวว่า รูปทรงพีระมิดป้องกันความเน่าเปื่อยได้ และความเชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุด คือ รูปทรงของพีระมิด ทำให้ความต้องการทางจิตใจและทางปฏิบัติ ประสบความสำเร็จ โดยให้ที่พักพิงอันมั่นคงแก่จิตวิญญาณของฟาโรห์และส่งเสริมให้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์

พาเที่ยวดินแดนแห่งความตาย : พีระมิด ที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งโลกโบราณ เพดานห้องศพถูกตกแต่งด้วยฉากที่โดดเด่นซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทพธิดาแห่งท้องฟ้าที่โค้งอยู่เหนือโลกทั้งปวงกำลังจะกลืนกินดวงอาทิตย์ ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ตกและการเข้าสู่โลกแห่งความตาย

การสร้างพีระมิดของชาวอียิปต์สะท้อนให้เห็นความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายและความเป็นอมตะของวิญญาณ ถ้าตายแล้วจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปและยังมีความเกี่ยวข้องกับร่างเดิมอยู่ จึงมีแนวความคิดในการรักษาร่างเดิมไว้ โดยการทำมัมมี่ นอกจากความเชื่อในเทพเจ้าและการหมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตายแล้ว ยังปรากฏว่า มีพัฒนาการความคิดทางด้านปรัชญาแฝงอยู่ในความเชื่อของชาวอียิปต์ เช่นใน "หนังสือของผู้ตาย" (The Book of Dead) ซึ่งเป็นหนังสือทางศาสนาและพิธีกรรมที่มีบทบาทต่อวิถีชีวิตของชาวอียิปต์มากที่สุด มีบทกวีที่ผู้ตายจะต้องกล่าวต่อเทพโอซิริสว่า

“ข้าฯ ไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวด

ข้าฯ ไม่ได้ทำให้คนหิวโหย

ข้าฯ ไม่ได้ทำให้ใครหลั่งน้ำตา

ข้าฯ ไม่ได้ทำให้คนตาย

ข้าฯ ไม่ได้ทำให้คนต้องทุกข์ทรมาน”

บทกวีนี้สะท้อนให้เห็นหลักศีลธรรม จริยธรรมของชาวอียิปต์ รวมถึงหลักเมตตาธรรมและอารมณ์ความรู้สึกด้านอื่นๆ ของมนุษย์ และการรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองอีกด้วย บทกวีต่างๆ สะท้อนให้เห็นความสนใจปรัชญาที่ละเอียด และเป็นความจริงสูงสุดซึ่งไม่สามารถใช้คำพูดหรือคำบรรยายใดอธิบายได้ อาจหมายความว่า ความจริงเป็นสิ่งที่ข้ามพ้นขอบเขตของภาษาไป

สรุปแล้วประสบการณ์ จาก Visual tour ที่ได้เข้าไปในพีระมิดนั้น อาจจะไม่ได้อรรถรสเท่ากับสถานที่ ในเรื่องของบรรยากาศรอบตัว อาจขาดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจที่จะได้รับเมื่อได้มอง ได้กลิ่น ได้รู้สึก แต่นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะได้เรียนรู้ในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราว อารยะธรรมอียิปต์โบราณ หรือผู้ที่ได้วางและมีเป้าหมายว่าจะต้องไปเยือนให้ได้ ซึ่ง การท่องเที่ยวผ่านโลกเสมือนจริงนี้ ก็จัดว่าเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าที่ดี

Pharaoh Ramesses VI Tomb

Tomb KV9 in Egypt's Valley of the Kings Powered By VRTEEK.

//cdn.embedly.com/widgets/platform.js