svasdssvasds

วิธีปฏิบัติในการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรค มะเร็งตับ

วิธีปฏิบัติในการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรค มะเร็งตับ

มะเร็งตับ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไปมากมาย โดยเฉพาะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ฉะนั้น ก่อนจะสายมาดู วิธีปฏิบัติในการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้กัน

ข้อมูลผู้ป่วยประเทศไทยจากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติล่าสุด พบว่า มะเร็งตับ คือโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชาย ส่วนในเพศหญิงพบเป็นอันดับที่ 4 รองจากโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งลำไส้

โรคมะเร็งตับ เกิดจากเซลล์ของตับที่เป็นมะเร็งเกิดการแบ่งตัว แล้วแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ โรคนี้จะไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่จะแสดงอาการในระยะกลาง ถึง ระยะสุดท้าย ทำให้อันตรายมาก

โรคมะเร็งตับ ที่พบบ่อยในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ โรคมะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular carcinoma) และ โรคมะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma)

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ

​สาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การรับเลือดหรือสารคัดหลั่งของร่างกายจากผู้เป็นพาหะ และการถ่ายทอดจากมารดาสู่บุตร ภาวะตับแข็งจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการโรคมะเร็งตับเช่นกัน

นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ เช่น การได้รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน จากการบริโภคถั่วลิสง กระเทียม หรือพริกแห้งที่มีเชื้อรา รวมถึงการบริโภคปลาน้ำจืดที่ปรุงไม่สุก ซึ่งอาจมีพยาธิใบไม้ในตับ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับชนิดท่อน้ำดีได้

ทำไมโรคนี้ถึงมีอัตราตายที่สูง

ประการแรก คือ ความรุนแรงของเซลล์มะเร็งตับที่มากกว่าเซลล์มะเร็งอวัยวะอื่น และประการสำคัญคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว มิหนำซ้ำส่วนใหญ่ยังมีภาวะตับแข็งร่วมด้วย เลยทำให้การรักษายากลำบากมากขึ้น ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากภาวะตับวายหรือภาวะแทรกซ้อนจากตับแข็งที่มีผลกระทบกับอวัยวะอื่นๆ อีกหลายระบบ มากกว่าที่จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่ลุกลามไปทั่วร่างกาย เพราะฉะนั้น ใครที่ร้อยวันพันปียังไม่เคยตรวจเลือดว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและชนิดซีหรือไม่ มีภูมิต้านทานไวรัสที่ว่านี้แล้วหรือยัง โดยเฉพาะคนที่มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องป่วยเป็นมะเร็งตับมาก่อน มีโอกาสเป็นพาหะของโรคนี้ และมีโอกาสเป็นมะเร็งเซลล์ตับมากกว่าคนทั่วไป ควรเจาะเลือดตรวจ

มะเร็งตับ

อาการของโรคมะเร็งตับ

​ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นจะไม่มีอาการแสดงใดใด ดังนั้น เมื่อมีอาการเกิดขึ้นและไปรับการตรวจจากแพทย์ โรคมักดําเนินไปมากแล้ว ฉะนั้น ให้สังเกตอาการตนเองให้ดี อาการที่บ่งบอกเตือนให้ทราบล่วงหน้า จริงๆ แล้วก็อาจเป็นอาการทั่วไปทางช่องท้องนำมาก่อน เช่น แน่นท้อง ท้องอืด แต่ผู้ป่วยอาจไม่สนใจ

อาการเฉพาะของมะเร็งเซลล์ตับคือ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลงมาก ส่วนใหญ่จะแสดงอาการออกมาก็ตอนที่มะเร็งลุกลามไปเกินกว่าครึ่งของเนื้อตับทั้งหมดไปเรียบร้อยแล้ว เป็นเพราะตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีพลังงานสำรองมาก พอเป็นก้อนมะเร็งขนาดเล็กๆ จึงแทบไม่แสดงอาการอะไร เพราะยังมีเนื้อตับปกติทำงานได้อยู่อีกมาก ไม่มีทางหามะเร็งตับในระยะที่เป็นน้อยๆ ได้เลย ถ้าไม่มาตรวจค้นหามะเร็งตั้งแต่ที่ยังไม่แสดงอาการ ฉะนั้น ต้องฟังเสียงจากร่างกายตนเองให้ดี ว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่

  • มีอาการปวดท้องซีกขวาด้านบน
  • คลําพบก้อนเนื้อบริเวณท้องซีกขวาด้านบน
  • มีอาการอ่อนเพลีย
  • น้ำหนักลดเนื่องจากท้องอืดและแน่นท้อง
  • เกิดภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อบุช่องท้อง
  • โรคดีซ่าน
  • มีภาวะเลือดออกภายในร่างกาย

การตรวจวินิจฉัย

การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งตับ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะได้ผลดี ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

1. การตรวจร่างกายโดยแพทย์ แพทย์จะคลำหน้าท้องของผู้ป่วย เพื่อดูขนาดตับและม้าม

2. การตรวจหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน (Alpha Fetoprotein) ซึ่งเป็นสารบ่งชี้โรคมะเร็งตับ

3. การตรวจวินิจฉัยโดยใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องอัลตราซาวน์ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

4. การตัดชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษา

​แนวทางการรักษาโรคมะเร็งตับขึ้นอยู่ระยะของโรคและขนาดของก้อนมะเร็ง โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งสามารถทำการรักษาได้หลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉีดยาเฉพาะที่เข้าก้อนมะเร็งโดยตรง การฉีดแอลกอฮอล์เข้าก้อนมะเร็งผ่านทางผิวหนัง การฉายรังสี และการรักษาด้วยเคมีบำบัด นอกจากนี้ยังมีการใส่สายสวนเข้าหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ ย้อนขึ้นไปในหลอดเลือดแดงของตับ เพื่อไปฉีดยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ตับ แล้วตามด้วยการอุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งถ้าได้ผลก็ต้องทำแบบนี้เป็นระยะๆ ให้ก้อนมะเร็งยุบลง เพื่อยืดชีวิตให้นานที่สุด เพราะฉะนั้น มะเร็งตับไม่ต้องรอให้มีอาการ ตรวจก่อน เจอก่อน ผ่าก่อน ดีที่สุด

วิธีดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันโรคมะเร็งตับ

การป้องกันโรคมะเร็งตับสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสุขลักษณะ ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่มีเชื้อรา และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี รวมถึงเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

มะเร็งตับ การป้องกัน

​แม้ว่าโรค มะเร็งตับ จะเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตของผู้ป่วย แต่หากรู้ตัวก่อนก็สามารถรักษาได้ เพราะฉะนั้น ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงการหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองให้ดีด้วย หากพบเจออาการผิดปกติ เช่น การที่น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีไข้ต่ำเป็นประจำ หรือ ปวดหรือเสียดชายโครงขวา หรือ คลำพบก้อนในช่องท้อง เป็นต้น

การตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอาการมะเร็งตับนั้นมักไม่แสดงอาการในช่วงเริ่มต้น โดยจะแสดงอาการชัดเจนว่าผิดปกติก็ต่อเมื่อมะเร็งได้ลุกลามไปมากแล้ว ฉะนั้น หันมาใส่ใจไม่ละเลยต่อสัญญาณร่างกายแม้เพียงเล็กน้อย เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า จะได้ช่วยลดการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับได้

หากสนใจรายละเอียดด้านสุขภาพ รวมถึงเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับสุขภาพ สามารถดูได้ที่ Healthyclub by Biopharm