svasdssvasds

โควิด ทำเยาวชนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า เสี่ยงซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย

โควิด ทำเยาวชนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า เสี่ยงซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย

จากสถานการณการระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในหลายๆ ด้าน รวมถึงด้านปัญหาสุขภาพจิตของเยาวชนซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า สอดคล้องกับการสำรวจของ Mental Health Check In พบว่าเยาวชนไทยเสี่ยงต่อการซึมเศร้าร้อยละ 5.34 และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายร้อยละ 7.99

โควิด ทำเยาวชนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น 2 เท่า เสี่ยงซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย

ปัญหาสุขภาพจิตของเยาวชนไทยเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตามที่องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (WHO Thailand) เผยว่า เยาวชนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตมากถึง 1 ใน 7 และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เยาวชนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า สอดคล้องกับการสำรวจในประเทศไทยโดยข้อมูลจาก Mental Health Check In ในกลุ่มประชากรอายุต่ำกว่า 18 ปี ในระหว่าง 12 ก.พ. - 23 พ.ค. 2565 ที่พบว่า เยาวชนไทยเสี่ยงต่อการซึมเศร้าร้อยละ 5.34 และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายร้อยละ 7.99 ปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นจะส่งผลกระทบต่อเนื่องจนถึงวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว

จากปัญหาสุขภาพจิตช่วงโควิด สู่ระบบการดูแลสุขภาพจิตของเยาวชน

ปัจจุบันกรมสุขภาพจิตมีการพัฒนาช่องทางเพื่อช่วยเหลือเยาวชนในรูปแบบต่างๆ โดยนอกจากจะมีระบบ Mental Health Check In ที่สามารถนำไปใช้ในการประเมินความเครียดเบื้องต้น และยังมีระบบการดูแลสุขภาพจิตโรงเรียนบนระบบดิจิทัล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชื่อ School Health HERO ซึ่งจะช่วยลดภาระการใช้เอกสารคัดกรอง คุณครูสามารถเรียนรู้การดูแลช่วยเหลือปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ สังคมของเด็กผ่าน e-learning และให้การช่วยเหลือในชั้นเรียน

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

หากช่วยเหลือแล้วยังไม่ดีขึ้น สามารถปรึกษาบุคลากรด้านสุขภาพจิต หรือ HERO Consultant ผ่านแอพพลิเคชั่นได้ ซึงปัจจุบันระบบดังกล่าวได้ดำเนินการในสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. จำนวน 3,444 โรงเรียน เฝ้าระวังความเสี่ยงให้นักเรียนจำนวน 230,891 ราย โดยมีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจนดีขึ้นถึงร้อยละ 69.34 ครอบคลุมร้อยละ 46.6 ของอำเภอในประเทศไทย

นางสาวนันทาวดี วรวสุวัส ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของการดำเนินงานดังกล่าวกรมสุขภาพจิตมีเป้าหมายที่จะขยายไปในช่วงวัยรุ่นในระบบการศึกษาระดับอื่นๆ ซึ่งได้ประสานความร่วมมือไปยังกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อสำรวจถึงความต้องการในการดูแลช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตนักศึกษาสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง ซึ่งพบว่า ร้อยละ 93.55 ของหน่วยงานต้องการความช่วยเหลือเพื่อเข้าถึงการแก้ปัญหาที่ตรงจุด

ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้กรมสุขภาพจิต และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงาน (MOU) ระหว่างกรมสุขภาพจิตกับมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง ในโครงการ “คู่เครือข่ายดูแลจิตใจ ก้าวสู่คนไทยคุณภาพ” บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในระบบสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยราชภัฏในแต่ละเขตสุขภาพ เพื่อให้นักศึกษาได้รับการส่งเสริมป้องกันด้านสุขภาพจิต การดูแลช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา รวมทั้งการติดตามต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงสนับสนุนให้เกิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อประโยชน์ในการทำงานต่อไป