CANADA ไกลแสนไกลจากที่นี่ เดินทางกลับบ้านที door to door เกือบ 30 ชั่วโมง ยิ่งนั่งอีโคโนเมื่อยด้วยแล้ว อยากให้ทริปขากลับมีประตูโดเรมอน แต่ไปเป็น 10 ปี ก็ชินแล้ว มาปีนี้โอกาสดีจะพาผู้อ่านไปกินอะไรอร่อยๆในเมือง BANFF
เมื่อนักเดินทางทั่วโลกได้เห็นภาพหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเทือกเขาร็อกกี้ ที่ทอดตัวยาวไปทางด้านเหนือ พาดผ่านจังหวัด Alberta (อัลเบอร์ต้า)ของแคนาดา ก็จะต้องปักหมุดว่าจะต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ภาพเมือง Banff ที่ปรากฏตามสื่อมีทั้งหน้าหนาวและหน้าร้อน ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละปี พอดูแล้วก็เหมือนคนละที่ ถ้ามีโอกาสจริงๆก็ควรจะไปทั้งสองฤดู เพราะได้อารมณ์ที่แตกต่างกันจริงๆ
[caption id="attachment_360672" align="alignnone" width="840"] บรรยากาศในเมือง Banff จังหวัด Alberta Canada[/caption]
การเดินทางเยือนเมืองเล็กๆแต่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 10 แล้ว เหมือนเป็นประเพณีที่เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านทุกปี ก็ต้องชักชวนกันขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงจากบ้านที่ Sylvan lake (ซิลวัล เลค) ผ่านเส้นทางถนนวิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าสวยงามที่สุด มีทั้ง Abraham lake (อับบราอัม เลค) Jasper (แจสเปอร์) Moraine lake (มอร์เรียน เลค) และ ที่นิยมมากที่สุด Lake Louise (เลค ลูอิส)
[caption id="attachment_360693" align="alignnone" width="840"] Abraham lake[/caption]
[caption id="attachment_360679" align="alignnone" width="768"] ความสวยงามระหว่างทางไปเมือง Banff[/caption]
[caption id="attachment_360694" align="alignnone" width="768"] ความสวยงามระหว่างทางไปเมือง Banff[/caption]
สิ่งที่อยากจะเล่าคือความมีเสน่ห์ของ Banff แม้จะผ่านมาแล้ว 10 ปี และมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะคนเอเชีย ที่มีเที่ยวมากขึ้นเป็นลำดับในแต่ละปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์น้อยลงไปเลย กลับทำให้สิ่งต่างๆดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอาหารการกิน
ไปแคนาดาทีไรมักจะตั้งคำถามถึงเรื่องอาหารการกินเสมอว่า ทำไมถึงไม่อร่อยถูกปาก มีวัตถุดิบดีๆสดๆมากมาย ทั้ง Wild Salmon (ไวลด์ แซลมอน) ที่มีไขมันน้อย สีส้มสด เอาไปทำอะไรก็อร่อย หรือ Alberta beef (อัลเบอร์ต้า บีฟ) เนื้อจากอัลเบอร์ต้าที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยเป็นอันดับต้นๆของโลก ผักก็สด ผลไม้ก็เยี่ยม แต่พอไปกินร้านอาหารขึ้นชื่อในเมือง กลับไม่ว้าวเท่าที่ควรจะเป็น เมื่อมานั่งนึกๆ และตั้งข้อสังเกตเอาเองว่า แคนาดาฝั่งตะวันตก อาจไม่ละเมียดละไมในการปรุงอาหาร เท่ากับคนฝั่งตะวันออก ที่ส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส และเมื่อกล่าวถึงฝรั่งเศส เรื่องอาหารไม่ต้องพูดถึงละเอียด ปราณีต และ เยอะ(ฮา)
ที่ Banff เมื่อมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ร้านอาหารต่างๆก็มากตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีนักท่องเที่ยวจากเอเชีย ร้านอาหารที่มีก็จะเป็นอาหารฟิวชั่นเอเชียผสมผสานด้วย ปีนี้พิเศษมาก เพราะไปค้นพบร้านอาหารชื่อว่า “The Block” ชื่อของอาหารแต่ละอย่างทำให้ลูกค้าที่เข้าร้านอยากจะสั่งทุกอย่างมาลองชิม เมื่อสั่งมาแล้วหน้าตาของอาหารคือสิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจ เพราะมีความแปลกใหม่ ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว เชฟมีความเข้าใจอาหารเอเชียเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจีนและญี่ปุ่น แต่ก็มีจานพิเศษของเชฟในแต่ละวัน วันที่ไปมีเขียวหวานหอยแมงภู่ กินกับขนมปังนาน ทำให้พอหายคิดถึงอาหารไทยได้บ้าง
[caption id="attachment_360689" align="alignnone" width="840"] ร้านอาหาร The Block ติดกับถนนหลักในเมือง[/caption]
ส่วนเมนูนี้เป็นเมนูหอยนางรม ราดด้วยมาการิต้าสีชมพู รสชาติลงตัว อร่อยและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี จากรสชาติเปรี้ยวนิดๆของมะนาว
[caption id="attachment_360676" align="alignnone" width="768"] sear tuna ยำสาหร่ายญี่ปุ่น[/caption]
เด็ดสุดคือเฟรนฟราย นำมาโรยโบนิโตะ(ปลาแห้ง) ราดซอสทาโกะยากิและมายองเนส โปรยสาหร่ายญี่ปุ่นแบบผงเต็มจาน กินแล้วทำให้นึกถึงรสชาติทาโกะยากิที่โอซาก้า เผลอแปปเดียว....หมดจาน ยิ่งสั่งเบียร์มานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็นและลมเย็นๆ ชมวิวบนเทือกเขาร็อคกี้ด้วยแล้ว ทำให้อาหารกินเล่นจานนี้อร่อยเกินคำบรรยาย
[caption id="attachment_360677" align="alignnone" width="768"] ใช้เฟรนฟรายแทนทาโกะยากิ[/caption]
นอกจากนี้เชฟยังเอาเนื้อส่วนท้องที่เรียกว่า skirt มาทำเป็น steak สั่งแบบ medium เสริฟพร้อมซอส chimichurri (ชิมมิชูรี่-มาจากอาเจนตินา มีน้ำมันและสมุนไพรสีเขียวเป็นส่วนประกอบ ไว้จะลงสูตรไว้ให้) ซอสนี้กินกับเนื้อวัว เนื้อไก่อร่อยมาก ส่วน steak ที่สั่งไปเรียกว่า เสี่ยงตายเพราะเนื้อส่วนนี้เหนียว หากไม่นำไปตุ๋นก็คงจะเคี้ยวจนโบท๊อกซ์สลาย แต่กลับผิดคาด เฮ้ย! อร่อย เนื้อไม่ได้นุ่มเหมือนส่วน Filet แต่ดีงาม กินกับเบียร์ที่สั่งมา ก็เป็นสุดยอดอีกหนึ่งเมนู สืบทราบในภายหลังว่าเชฟแต่งงานกับภรรยาชาวญี่ปุ่น เลยถึงบ้างอ้อ ว่าทำไมอาหารถึงถูกปากเรายิ่งนัก
ที่บอกว่าอาหารในเมืองไม่ค่อยอร่อย ก็คงจะไม่ใช่ซะทีเดียว เข้าเมือง Red Deer คราวนี้ไป เจอร้านหมูป่าแดง (Red Bore) เป็นร้านอยู่ในกลางเมืองฝั่ง old town ที่ส่วนใหญ่จะมีคนทำงานมานั่งกินในช่วงกลางวันหรือเย็น มีเนื้อให้เลือกว่าจะกินส่วนไหน มีทั้ง เสือร้องไห้ (Brisket) หมูดึง (pulled pork) ไก่ดึง (pulled chicken) และซี่โครง เลือกเครื่องเคียงตามชอบ
[caption id="attachment_360688" align="alignnone" width="768"] ร้าน Red Boar ในเมือง Red Deer[/caption]
[caption id="attachment_360684" align="alignnone" width="840"] เมนูในร้าน[/caption]
[caption id="attachment_360685" align="alignnone" width="840"] เมนูในร้าน[/caption]
[caption id="attachment_360687" align="alignnone" width="768"] ซอสมีให้เลือกหลายชนิด[/caption]
[caption id="attachment_360680" align="alignnone" width="840"] บรรยากาศในร้าน[/caption]
[caption id="attachment_360686" align="alignnone" width="768"] จานและอาวุธครบมือ[/caption]
ทีเด็ดสุดคือซอส มีหลายแบบให้เลือก พอเลือกไม่ได้คนขายก็จัดมาให้ 4 แบบ อิ่มแปล้ไปตามระเบียบ ไว้คราวหน้าจะมาสอนทำซี่โครงหมูให้กินก็แล้วกัน เห็นตอนนี้เค้ากำลังฮิตอะไรเมตรๆ ติดไว้ก่อนคราวหน้า ส่วนใครที่สงสัยว่าหมูดึงคืออะไร ก็เอาไว้ติดตามกัน ขอติดไว้ 2 เรื่อง
[caption id="attachment_360674" align="alignnone" width="768"] แถมท้ายด้วยของหวานจากร้าน Tim Hortons ที่มีแค่ปีละครั้งเท่านั้น[/caption]