svasdssvasds

เจ้าของร้านเพชรร้อง “ยุติธรรม” สอบกองปราบไม่คืนของกลางตามคำสั่งอัยการ

เจ้าของร้านเพชรร้อง “ยุติธรรม” สอบกองปราบไม่คืนของกลางตามคำสั่งอัยการ

เจ้าของร้านเพชรยื่นหนังสือต่อรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามหลังไม่คืนของกลางตามคำสั่งอัยการ พร้อมขอให้ยื่นสำนวนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้รับเป็นคดีพิเศษ

วันนี้(25เม.ย.)นางสาวจีระพันธ์ จุลพันธ์ เจ้าของร้านขายเพชร พร้อมด้วย นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความนำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามหลังอัยการมีคำสั่งให้คืนเครื่องประดับเพขร ทั้ง17 รายการ มูลต่ากว่า 11 ล้าน คืนเนื่องจากคดีสิ้นสุด หลังนางสาวผาติรัตน์ ใจเย็น ร้องทุกข์ ต่อ ร.ต.ท. สมโชค ปานทิพย์ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามเมื่อปี 2556 กล่าวหาว่าตนยักยอกทรัพย์เครื่องประดับเพชร 17 รายการ มูลค่ากว่า 11 ล้าน ไปจำนำ ทั้งๆที่ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของตน

เจ้าของร้านเพชรร้อง “ยุติธรรม” สอบกองปราบไม่คืนของกลางตามคำสั่งอัยการ

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้กล่าวหาได้อายัดทรัพย์ โดยไม่มีการไต่สอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมนำเงินไปไถ่ถอนทรัพย์สินขายร้านเพชร บางส่วนนำกลับไปจำนำและปล่อยให้หลุด และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ อัยการสั่งไม่ฟ้องและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคืนของกลางให้ตน เมื่อทวงถามกลับได้รับคำตอบว่าของกลางคืนให้ผู้กล่าวหาไปหมดแล้ว

เจ้าของร้านเพชรร้อง “ยุติธรรม” สอบกองปราบไม่คืนของกลางตามคำสั่งอัยการ

ตลอดเวลาของการดำเนินคดี ตนร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมหลายที่เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ที่ทำเป็นขบวนการ  อีกทั้งถูกข่มขู่ แม้กระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งคุ้มครองพยานแล้วก็ตาม วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอให้เร่งเอาทรัพย์สินคืนและเขอให้นำข้อมูลยื่นต่อดีเอสไอเพื่อรับเป็นคดีพิเศษ

ขณะที่นายธวัชชัย รับเรื่องไว้ให้เจ้าหน้าที่สอบข้อเท็จจริง พร้อมตรวจสอบเอกสารายละเอียดของตำรวจเรื่องการจัดเก็บของกลาง หากพบมีการกระทำผิดแจ้งไปยังหน่วยต้นสังกัดให้ดำเนินคดีตามความผิด ส่วนดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ขึ้นอยู่กับกาาพิจารณาของดีเอสไอ ซึ่งหลักการรับคดีพิเศษ คือ ต้องเป็นคดีที่ซับซ้อน

 

 

 

related