ตำรวจเร่งหาคนรับผิดชอบ เหตุน้ำไหลย้อนเข้าอุโมงค์ ทำนักธุรกิจสาวดับ

ภายหลังการประชุม ร่วมระหว่าง เรียกตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่เขตประเวศ และเจ้าหน้าที่นิติบุคคล หมู่บ้านโกลเด้น นครา ร่วมประชุม ติดตามความคืบหน้าคดีรถจมน้ำภายในอุโมงค์ จนเป็นเหตุให้น.ส.ภาณุมาศ แซ่แต้ นักธุรกิจวัย 41 ปี เสียชีวิตภายในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ สีดำ ทะเบียน 7 กต 2080 กรุงเทพมหานคร บริเวณอุโมงค์ลอดทางรถไฟทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อกลางดึกวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ได้สั่งการให้ ชุดสอบสวนให้ทำคดีดังกล่าวอย่างรวดเร็วและรัดกุมมากที่สุด โดยได้แต่งตั้งชุดคณะทำงานขึ้นโดยมีพล.ต.ต.ธีรงพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งในเวลานี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุของการเกิดน้ำท่วมอุโมงค์นั่นเกิดจากสาเหตุใด แต่ได้สั่งการให้คณะทำงานหาสาเหตุว่าเกิดจากความผิดของใคร ขอยืนยันว่าเหตุในครั้งนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น โดยจะต้องทำการตรวจสอบถึงโครงสร้าง และระบบต่างๆภายในอุโมงค์หากพบว่าเป็นความผิดของใครก็จะแจ้งข้อหา"กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงความตาย"

แต่จากการสอบถาม ประธานนิติบุคคลทราบว่าอุโมงค์ดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของการทางรถไฟ ซึ่งทางหมู่บ้านได้มีการขออนุญาตจากการรถไฟในการก่อสร้างแล้วโดยเป็นสัญญาเช่า ระยะเวลา30ปี และได้ทำการก่อสร้างมาแล้วประมาณ12ปี โดยไม่เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอุโมงค์มาก่อน จึงทำให้ตำรวจ สันนิษฐานว่า น้ำที่ไหลเข้ามาภายในอุโมงค์นั่นเกิดจากท่อน้ำที่ลำเลียงน้ำภายในอุโมงค์ไปยังบ่อซัมหรือบ่อพักน้ำเกิดรอยรั่ว ส่งผลให้น้ำไหลย้อยกลับเข้ามา

ขณะเดียวกันได้ประสานให้ วิศวกร เข้าตรวจสอบอุโมงค์ว่าเป็นไปตามที่สันนิษฐานไว้หรือไม่ และต้องหาสาเหตุว่าท่อรั่วเพราะสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การสั่นสะเทือนของรถไฟเป็นต้นโดยระหว่างนี้ได้ให้ปิดการใช้อุโมงค์ดังกล่าวชั่วคราว จนกว่าจะหาข้อสรุปและทำการปรับปรุงแก้ไขจนถูกต้อง จึงจะสามารถเปิดให้ใช้งานได้

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ ทางนิติบุคคลของหมู่บ้านได้ทำการป้องกันโดยจะมีการติดตั้งไฟฉุกเฉิน เมื่อเกิดไฟฟ้าดับและจะมีการแก้ระบบไฟฟ้าภายในอุโมงค์ด้วย ส่วนประเด็นที่ว่าเครื่องสูบน้ำภายในอุโมงค์ไม่ทำงานซึ่งปกติแล้วเครื่องสูบน้ำจะทำงานอัตโนมัตินั้นเกิดจากระบบไฟฟ้าถูกน้ำท่วม จึงทำให้ไฟฟ้าตัดเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ส่วนเรื่องผู้เสียชีวิตทางนิติบุคคลได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตแล้ว แต่คงต้องรอให้จัดการเรื่องงานศพให้เรียบร้อยก่อนจะพูดคุยเพื่อแสดงความรับผิดชอบกันต่อไป