svasdssvasds

ย้อนรอยคดี “บรรยิน” พัวพันฮุบหุ้น-อุ้มฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ก่อนเอี่ยวฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

ย้อนรอยคดี “บรรยิน” พัวพันฮุบหุ้น-อุ้มฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ก่อนเอี่ยวฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

ชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.กระทรวงพาณิชย์ เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้ (23 ก.พ.63) เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม และควบคุมตัว หลังถูกซัดทอดว่า อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของพี่ชายผู้พิพากษา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พิพากษาคดีใช้เอกสารปลอม ฮุบหุ้นมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาทของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ เสี่ยจืด ที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตกเป็นหนึ่งในจำเลย ศาลนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 20 มี.ค. นี้

นอกจากนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ยังตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ อีกด้วย ซึ่งคดีฮุบหุ้น และการเสียชีวิตเสี่ยชูวงษ์ เป็นข่าวครึกโครมเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 58 รถเก๋งที่ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ขับ และเสี่ยชูวงษ์ เพื่อนสนิท นั่งด้านข้าง ชนตันไม้ พ.ต.ท.บรรยิน บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเสี่ยชูวงษ์ เสียชีวิต

ย้อนรอยคดี “บรรยิน” พัวพันฮุบหุ้น-อุ้มฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ก่อนเอี่ยวฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

ต่อมาทางครอบครัวพบว่า มีการโอนหุ้นของเสี่ยชูวงษ์ให้กับผู้หญิง 2 ราย อย่างผิดปกติ มูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาท ประกอบกับข้อกังขาต่างๆ มากมาย ญาติจึงไม่เชื่อว่า การเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ เป็นอุบัติเหตุ !

ในส่วนของการโอนหุ้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เสี่ยชูวงษ์ได้โอนหุ้นมูลค่า 40 ล้านบาทให้กับมารดาของอดีตโบรกเกอร์สาวรายหนึ่ง และได้โอนหุ้นมูลค่า 228 ล้านบาท ให้กับพริตตี้สาวรายหนึ่ง ที่ต่อมาได้อ้างว่า มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสี่ยชูวงษ์

โดยทั้งสองรายได้รับการโอนหุ้นก่อนเสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตไม่นานนัก และครอบครัวเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าว หลังจากเสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตไปแล้ว 4 วัน อีกทั้งยังพบเงื่อนงำต่างๆ มากมาย นำไปสู่การฟ้องร้อง โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน อดีตโบรกเกอร์สาว และพริตตี้สาว ตกเป็นจำเลย ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 20 มี.ค. ที่จะถึงนี้

ย้อนรอยคดี “บรรยิน” พัวพันฮุบหุ้น-อุ้มฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ก่อนเอี่ยวฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

ส่วนคดีฆาตกรรมเสี่ยชูวงษ์ จากการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบด้านเทคนิคของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญ ทำให้พบความผิดปกติ อาทิ เวลาเกิดเหตุ ซึ่งจากการคำนวณของเจ้าหน้าที่ การเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามกอล์ฟมาถึงจุดเกิดเหตุ ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที แต่ พ.ต.ท.บรรยินให้การว่า ใช้เวลา 1.30 ชม.

ความเร็วของรถ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนถึงจุดเกิดเหตุ 900 เมตร (ชนต้นไม้) รถดังกล่าวใช้ความเร็ว 38 กม.ต่อ ชม. และจากการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ ก็มีผลออกมาว่า ความเร็วของรถอยู่ระหว่าง 30 – 50 กม.ต่อ ชม. เท่านั้น

สภาพรถ สภาพรถเสียหายไม่มากนัก โดย พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ขับ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เสี่ยชูวงษ์ที่นั่งด้านข้าง กลับเสียชีวิต โดยมีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ

ซึ่งหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาคดีฮุบหุ้น ในวันที่ 20 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ก็จะมีการสืบพยานต่อในส่วนของคดีฆาตกรรมเสี่ยชูวงษ์ ในช่วงเดือน เม.ย. เนื่องจากมูลความแห่งคดี มีความเกี่ยวพันกัน

related