LG และ Samsung จับมือกัน หลังตลาดผลิตหน้าจอ OLED กำลังถูกจีนตีแตก

Samsung และ LG กำลังจับมือกันในตลาดหน้าจอ หลัง Samsung เพิ่งจะสั่งปิดโรงงานผลิตหน้าจอของตนเองที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนไปเมื่อปี 2021 ขณะที่ LG เองก็กำลังมีแผนจะขายโรงงานผลิตหน้าจอ LCD ที่อยู่ในจีนเช่นกัน

โดยเป็นผลมาจากการที่ยอดขายสินค้าอิเลคทรอนิกส์ทั่วโลกปรับตัวลดลง หลังจีนสั่งล็อกดาวน์มาอย่างยาวนานในช่วงการระบาดหนักของโควิด 19 ดังนั้น Samsung จึงหันมาพึ่งพาสินค้าหน้าจอ LCD จากโรงงานของ LG ในประเทศจีนมากขึ้น

เพราะในขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตหน้าจอสัญชาติจีน กำลังไต่อันดับขึ้นมา โดยเฉพาะบริษัท BOE Technology บริษัทที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ กำลังก่อสร้างโรงงานมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในนครเฉิงตู

ปาร์ค ชองฮุน หัวหน้าฝ่ายวิจัยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์สาขากรุงโซล เปิดเผยว่า เหมือนที่ก่อนหน้านี้ บริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ได้เอาชนะญี่ปุ่น ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมหน้าจอ ในเวลานี้ จีนก็กำลังทำเช่นนั้น โดยจีนมีกำลังสนับสนุนเป็นตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีทุนทรัพย์จำนวนมากและการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง

ดังนั้นในเวลานี้ บริษัท LG และ Samsung จึงมุ่งเน้นการลงทุนไปที่โทรทัศน์ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระดับไฮเอนด์ที่มีราคาแพง รวมถึงการพัฒนาหน้าจอไมโคร OLED รุ่นใหม่ แทนที่หน้าจอ OLED แบบเดิม

ซึ่งในเวลานี้ จีนสามารถพัฒนาได้เอง และโรงงานผลิตหน้าจอใหม่ของบริษัท BOE ในจีนก็กำลังผลิตหน้าจอ OLED โดยที่ใช้เทคโนโลยีรุ่น 8.6 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด นับเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดกันกับ Samsung ซึ่งผลิตหน้าจอชนิดนี้ให้แก่บริษัทแอปเปิ้ล เพื่อนำไปใช้ใน iPad และ MacBook

อี ชุงฮุน หัวหน้าฝ่ายวิจัย UBI ซึ่งมีสำนักงานในโซลเปิดเผยว่า เกาหลีล้ำหน้ากว่าในเรื่องของคุณภาพหน้าจอ OLED แต่โรงงานของจีนนั้นผลิตได้ถูกกว่าของเกาหลีใต้ จริงๆแล้วจีนเองก็ประสบปัญหาขาดทุนหนัก แต่ก็ยังคงผลิตหน้าจอ OLED ที่มีราคาถูกออกมาเพื่อหวังแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด หมายความว่า สินค้าจีนจะมาฆ่าคู่แข่ง เหมือนที่เคยทำก่อนหน้านี้กับตลาดหน้าจอ LCD

เมื่อปีที่แล้ว Samsung ยื่นฟ้องบริษัท BOE กับคณะกรรมการการค้าสากลของสหรัฐฯ เพื่อหวังยับยั้งไม่ให้บริษัทจีนเข้าไปขายหน้าจอในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า BOE ใช้เทคโนโลยีที่ขโมยไปจาก Samsung

ที่มา : FT