SHORT CUT
Midea ได้ร่วมมือกับ Huawei และ AIS 5G สร้างโรงงานอัจฉริยะ 5G นอกประเทศจีนเป็นแห่งแรก ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีพื้นที่ 208,000 ตารางเมตร ตั้งเป้าผลิตเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 4 ล้านยูนิตต่อปี
Midea เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสัญชาติจีน จากข้อมูล ณ ปี 2564 บริษัทฯมีจำนวนพนักงานรวมกว่า 150,000 คน ประจำอยู่ทั้งในจีนและต่างประเทศ บริษัทฯมีสำนักงานย่อยในจีนทั้งสิ้น 200 สาขา และสำนักงานในต่างประเทศอีก 60 สาขา
ไมเดีย กรุ๊ป ได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัทชั้นนำของ Fortune Global 500 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2559 , ไมเดีย ยังเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย ทั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดพื้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวขนาดเล็ก เครื่องซักผ้า อุปกรณ์ประกอบอาหารขนาดใหญ่ และเครื่องทำความเย็น
ทั้งยังเป็นผู้ผลิตเตาไฟฟ้าไมโครเวฟรายใหญ่ที่สุด และเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าแบบ OEM ให้กับหลายๆแบรนด์ ไม่เพียงเท่านั้น ไมเดียยังมีประสบการณ์ยาวนานในด้านการผลิตอุปกรณ์ระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ และระบบปรับอากาศสำหรับการใช้งานภายในบ้านและเพื่อการพาณิชย์ และยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบหุ่นยนต์สำหรับใช้ในเชิงอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในโลก
โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศ 5G ของไมเดีย ในประเทศไทย ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี (ใช้เวลาเดินทางโดยทางรถยนต์ ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ) โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่ 208,000 ตารางเมตร เริ่มดำเนินการผลิตไปแล้วบางส่วนตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 และตั้งเป้าการผลิตเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 4 ล้านยูนิตต่อปี
โรงงานแห่งนี้ ยังเป็นโรงงานอัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยระบบ 5G อย่างสมบูรณ์แห่งแรกนอกประเทศจีนของไมเดีย และยังเป็นโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในโรงงานบูรณาการเทคโนโลยีล้ำยุค อาทิ 5G, AI, Big Data และแพลตฟอร์ม Cloud เพื่อให้เป็นโรงงานอัจฉริยะต้นแบบภายใต้แนวคิด Industry 4.0
ไมเดีย นับตั้งแต่ปี 2562 ไมเดีย กรุ๊ป ได้ทดลองติดตั้งอุปกรณ์ IoT เชิงอุตสาหกรรมและเครือข่ายสัญญาณ 5G ภายในศูนย์การผลิต และเริ่มดำเนินการผลิตภายใน ‘โรงงานที่เชื่อมต่อโดยสมบูรณ์’ ในปี 2564 เป็นต้นมา
ประเทศไทย 4.0 แนวนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยกำหนดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2573 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทางนวัตกรรมและการขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล โดยเฉพาะในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าของไมเดีย
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลโดยผู้ให้บริการเครือข่าย (AIS และ China Unicom) หลายๆ แผนการในอนาคตล้วนเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลให้กับผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นไปที่โซลูชันแบบ ‘2B’ สำหรับองค์กร รวมไปถึงการให้บริการแพลทฟอร์มดิจิทัลสำหรับธุรกิจและองค์กรในประเทศไทยและจีน
หัวเว่ย ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ระดับโลก เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของอุตสาหกรรม พร้อมทั้งขยายโซลูชัน ToB ไปยังตลาด blue ocean ใหม่ๆ ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในวงจรธุรกิจ 5G
ด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G ที่ครอบคลุมทั่วทั้งสวนอุตสาหกรรม โรงงานได้ทดลองการใช้งานสัญญาณ 5G+ ใน 15 สถานการณ์ และสร้างแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบด้วย 5G+
การเพิ่มปัจจัยการผลิตใหม่ เพื่อให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนการผลิตแบบอัจฉริยะ และการดำเนินการและซ่อมบำรุง (O&M) แบบดิจิทัล ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ เช่น รถ AGV และสามารถรองรับข้อกำหนดด้านเครือข่ายแบนด์วิดท์สูงของอุปกรณ์ AI ต่างๆ ได้
การตรวจตราด้วยระบบ 5G AI สามารถลดข้อผิดพลาดและขั้นตอนการจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลตอบแทน (First Time Yeild) เพิ่มขึ้น 4% ในอดีต โรงงานเคยประสบปัญหาอุปกรณ์กว่า 4,000 ชิ้นจำเป็นต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ในสายการผลิตเนื่องจากความสะเพร่า หลังจากมีการตรวจตราด้วยระบบ AI จำนวนชิ้นงานที่ต้องนำกลับมาแก้ไขใหม่ลดลงเหลือเพียง 1,000 ชิ้น และอัตราการแก้ไขชิ้นงานลดลงถึง 75%
แขนกลหุ่นยนต์ 5G ด้วยเทคโนโลยีแขนกลหุ่นยนต์ 5G พนักงานในสายการผลิตไม่ต้องเสี่ยงทำงานที่อันตราย เดิมๆ ซ้ำๆ และใกล้กับเครื่องจักรที่ร้อน พนักงานสามารถใช้สมาร์ทโฟนสัญญาณ 5G จากระยะไกลในการสตาร์ทการทำงานของแขนกลหุ่นยนต์
ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้สามารถปรับการไหลของวัตถุดิบต่างๆ ในสายการผลิตได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบตามความต้องการของผู้สั่งการ พนักงานจึงไม่ต้องทำงานที่เสี่ยงอันตรายด้วยตัวเอง และคุณภาพของสินค้ายังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วย
รถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ 5G (AGV) เทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของรถ AGV อย่างแท้จริง ขณะที่รถ AGV แบบดั้งเดิมขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก่อนแล้วร่วมด้วยเครื่องหมายต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ ซึ่งในหลายโอกาสยังเป็นการจำกัดของเขตการใช้งานและสมรรถภาพสูงสุดของรถ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี 5G ได้
เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพด้านการประมวลผลข้อมูลและการสื่อสารของรถ AGV ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปลดล็อคให้รถสามารถวางแผนเส้นทางที่ดีที่สุด ด้วยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมในแบบเรียลไทม์ เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วสูง ความจุสูงและเวลาแฝงต่ำ สามารถยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรถ AGV และด้วยเครือข่ายสัญญาณ 5G รถ AGV สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ทั้งยังสามารถสำรวจและควบคุมการทำงานได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในสภาพแวดล้อมโรงงานที่มีความซับซ้อนสูง จึงสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงานลงได้มาก
ห้องปฏิบัติการ 5G สายพานการประกอบเครื่องปรับอากาศแต่ละสายจะมีห้องปฏิบัติการ 5G เพื่อจำลองและทดสอบสถานะการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ข้างนอก ข้อมูลการทำงานของเครื่องปรับอากาศแต่ละตัวจะถูกรวบรวมไว้ในตัวเครื่องเพื่อส่งต่อไปยังเซอร์เวอร์ผ่านสัญญาณไวไฟหรือสายเคเบิลเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์
ปัญหาคือสัญญาณไวไฟถูกรบกวนสูงและยังเกิดข้อผิดพลาดในการเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง โซลูชัน 5g backhaul ได้เข้ามาแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูล ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้เวลาแฝงต่ำในการรับส่งข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลด้วย 5G เทคโนโลยี 5G ประกอบด้วยการเชื่อมต่อที่มากมายและยังต้องการความความเสถียรสูง อุปกรณ์ CPE แบบไร้สายสามารถใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเครือข่าย 5G เพื่อรวบรวมข้อมูลอัตราและกำลังการผลิต รวมไปถึงข้อมูลจากเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงานได้ในแบบเรียลไทม์ พร้อมๆ ไปกับการตรวจตรา และวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมา
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อสัญญาณ 5G สามารถตรวจจับและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงงานผลิตได้ในแบบเรียลไทม์ ซึ่งก่อนหน้านี้จำเป็นต้องตรวจสอบโดยแรงงานคนอย่างเป็นระยะๆ จึงนับเป็นการยกระดับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความผิดพลาดของอุปกรณ์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ ด้วย
เทคโนโลยี 5G และ IoT รวมถึง AI เข้ามาช่วยทำให้โรงงานของ Midea มีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้นในรอบๆด้าน เนื่องจากมีเทคโนโลยีของ Huawei , AIS และ China Telecom เข้ามาทำให้การจัดการต่างๆเป็นระบบอัจฉริยะรอบด้าน ซึ่งทำให้โรงงานนี้สามารถควบคุมการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบ