SHORT CUT
เมื่อเข้าสู่ ปี 2025 นี่หมายถึง ปีนี้ จะเป็นปีแรกที่เด็กเกิดใหม่ จะถูกเรียกว่าเป็น Gen Beta (Generation Beta) และนี่คือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ส่งท้าย “เจนอัลฟ่า” (Gen Alpha) ต้อนรับน้องใหม่ “เจนเบต้า” (Gen Beta)
หนึ่งประเด็นที่น่าหยิบยกมาพูดถึงเมื่อเข้าสู่ปี 2025 นั่นคือ ปีนี้ จะเป็นปีแรกที่เด็กเกิดใหม่ จะถูกเรียกว่าเป็น Gen Beta (Generation Beta) ...นี่คือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน ส่งท้าย “เจนอัลฟ่า” (Gen Alpha) ต้อนรับน้องใหม่ “เจนเบต้า” (Gen Beta)
ทั้งนี้ เด็กทารกที่เกิดในปี 2025 เป็นต้นไป จะถูกนิยามว่าเป็นเด็ก Gen Beta เจนเบต้า
โดยเด็กเจนนี้ ถือเป็นเจนแห่ง AI-First เกิดมาก็มี AI ใช้แล้ว และจะโตในโลกแห่งความเท่าเทียมและหลากหลาย
Gen Beta จะเติบโตขึ้นมาในโลกดิจิทัล ทำให้คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่อายุน้อย หุ่นยนต์จะมีบทบาทหลักในชีวิตของพวกเขา อีลอน มัสก์ คาดการณ์ไว้ว่า ภายในปี 2040 จะมีหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ถึง 1 ล้านตัว ซึ่งส่งผลพฤติกรรมของ Gen Beta อย่างแน่นอน
• คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและหุ่นยนต์: Gen Beta เติบโตขึ้นมาในโลกดิจิทัล ทำให้คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่อายุน้อย และหุ่นยนต์จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตของพวกเขา• มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นอิสระ เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ: พวกเขาไม่กลัวที่จะคิดนอกกรอบ และกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ ตั้งแต่อายุน้อย̉ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ใส่ใจกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน: พวกเขามีความตระหนักรู้ถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่โลกเผชิญ
• มุ่งเน้นการพัฒนาตัวเอง: Gen Beta ให้ความสำคัญกับ AI ในการเรียนรู้ การทำงาน และการใช้ชีวิต
• ใส่ใจสุขภาพจิต: Gen Beta ถูกเลี้ยงดูให้มีความฉลาดทางอารมณ์ มีความยืดหยุ่น ปรับตัวเก่ง และยอมรับความแตกต่าง
• นอกจากนี้ Gen Beta ยังตระหนักถึงภัยคุกคามจากโลกออนไลน์ และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
.
ทั้งนี้ การแบ่งช่วงเวลาตามแต่ละเจเนอเรชั่น จากอ้างอิงในหนังสือ "เจาะเทรนด์โลก 2025" โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ระบุไว้ดังนี้
โดยหากจะอธิบายแบบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ คนเจน X เติบโตมาก็มีไฟฟ้าใช้แล้ว คนเจน Z เกิดมาก็มีอินเทอร์เน็ตรออยู่ เจน Beta ก็เติบโตมาในโลกของปัญญาประดิษฐ์ โดยในปี 2026 พบว่า 90% ของเนื้อหาออนไลน์สามารถสร้างขึ้นได้โดย AI
และในอนาคต โลกในปี 2050 ซึ่ง เจน Beta รุ่นแรกก้าวสู่วัย 25 ปี คาดว่า เกินครึ่งจะอยู่อาศัยในเขตเมือง โดยเมืองในโลกอนาคต จะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความเท่าเทียม
เจเนอเรชันเบตาจะประกอบด้วยเด็กที่เกิดระหว่างปี 2025-2036 และภายในปี 2035 พวกเขาจะมีจำนวนประชากรคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ทารกที่เกิดในปี 2025 จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปีในปี 2101 นั่นหมายความว่าเด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตใน ศตวรรษที่ 22 ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในเจเนอเรชันปัจจุบันอาจไปไม่ถึง
โดยสรุปแล้ว Beta เบต้า จะเป็นเจเนอเรชันที่มีความชาญฉลาดทางดิจิทัล เติบโตขึ้นมาโดยตระหนักถึงภัยคุกคามที่เกิดจากการเข้าถึงโลกออนไลน์ เนื่องจากผู้ปกครองที่เป็นเจนเซนเนียลนั้นเข้าใจถึงความเสี่ยงของดิจิทัลฟุตพรินต์เป็นอย่างดี พ่อแม่จึงปกป้องลูกเจนเบต้าอย่างเต็มที่ เมื่อการรับรู้นี้เป็นที่เข้าใจในวงกว้างมากขึ้น แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็จะยิ่งมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ
ที่มา dentsu
ข่าวที่เกี่ยวข้อง