SHORT CUT
รู้จัก Agentic AI เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ AI เป็นมากกว่าแค่ผู้รับคำสั่ง เพราะ มันจะสามารถคิดและตัดสินใจเองได้ มันไม่ใช่แค่เครื่องมือที่รับคำสั่ง แต่เป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำงานได้อย่างอิสระ
Agentic AI คืออะไร ? ปัญญาประดิษฐ์รูปแบบใหม่ AI ที่น่าจับตาในปี 2025
ชวนทำความรู้จัก Agentic AI เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ AI เป็นมากกว่าแค่ผู้รับคำสั่ง เพราะ มันจะสามารถคิดและตัดสินใจเองได้ มันไม่ใช่แค่เครื่องมือที่รับคำสั่ง แต่เป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและทำงานได้อย่างอิสระ
ก่อนอื่นเลย ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าบทความอธิบาย Agentic AI คืออะไร ?
Agentic AI เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่สามารถ ตัดสินใจและบรรลุเป้าหมายได้เอง โดยไม่จำกัดแค่การปฏิบัติตามคำสั่ง ทำงาน และเรียนรู้ได้เอง คล้ายกับมนุษย์ โดย ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ Microsoft ประเทศไทย ให้ความเห็นไว้ว่า เทรนด์เทคโนโลยี AI ในปีหน้า ปี 2025 Agentic AI จะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ควาสนใจจำนวนมากอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ Generative AI ถือเป็นรากฐานสำคัญของ Agentic AI ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีความเชื่อมโยงกันแบบใกล้กันมากๆ โดย Agentic AI คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการตัดสินใจ ทำงาน และเรียนรู้ได้เองคล้ายกับมนุษย์ (agent-like behavior) ซึ่งสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติ เช่น แชทบอทที่สามารถสนทนาโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
บริษัทส่วนใหญ่ที่พัฒนา Agentic AI มักมีเป้าหมายที่จะสร้าง AI ให้เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดดิจิทัลที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในหลากหลายสาขาอาชีพ อาทิ ด้านสุขภาพ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือการบริการลูกค้า
AI แบบมีตัวตน (Agentic AI) และ AI แบบสร้างสรรค์ (Generative AI) เป็นสองสาขาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่แตกต่างกัน โดยแต่ละสาขามีจุดแข็งและการประยุกต์ใช้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
AI แบบสร้างสรรค์ (Generative AI) : เก่งในการสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงข้อความ รูปภาพ เพลง และแม้แต่โค้ด มันเชี่ยวชาญในการระดมความคิด สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ และสร้างโซลูชันที่สร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม AI แบบสร้างสรรค์มุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์เป็นหลัก โดยอาศัยอินพุตและคำแนะนำของมนุษย์เพื่อกำหนดบริบทและเป้าหมายของผลลัพธ์
AI แบบมีตัวตน (Agentic AI) : ในทางกลับกัน มุ่งเน้นไปที่การดำเนินการ ก้าวข้ามการสร้างเนื้อหาไปสู่การมอบพลังให้กับระบบอัตโนมัติที่มีความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินการอย่างอิสระ
ระบบเหล่านี้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ กำหนดกลยุทธ์ และดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายเฉพาะ ด้วยการแทรกแซงของมนุษย์เพียงเล็กน้อย
พวกมันถูกออกแบบมาเพื่อทำงานอย่างอิสระ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกมัน
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งได้ให้คำนิยามของ Agentic AI ไว้ดังนี้
Nvidia อธิบายว่า Agentic AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการ "วิเคราะห์และวางแผนเชิงลึก" เพื่อแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน โดยอาศัย "กลไกการเรียนรู้และการตัดสินใจ" ทำให้ Agentic AI สามารถ "ทำงานเองได้อย่างอิสระ
IBM อธิบายว่า Agentic AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการ "กระทำ" เสมือนมีตัวตน สามารถตัดสินใจ ทำงาน แก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน และโต้ตอบกับสิ่งรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่ใช้ฝึกอบรมมาก่อน
Microsoft อธิบายว่า Agentic AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ ครอบคลุมเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบแชทบอทพื้นฐานไปจนถึงระบบผู้ช่วยอัจฉริยะขั้นสูงหรือหุ่นยนต์
Agentic AI มีความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่นกว่า AI ทั่วไปในหลายด้าน ซึ่งช่วยให้สามารถดำเนินการได้หลากหลายและตอบโจทย์ความซับซ้อนของงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:
1. ทักษะการรับรู้ (Perception Skills): AI Agent สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น เซนเซอร์ ข้อมูลป้อนเข้าเอกสาร หรือฐานข้อมูล โดยสามารถประมวลผลข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
2. ทักษะการใช้ตรรกะ (Reasoning Skills): AI Agent ใช้ตรรกะเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปสู่ข้อสรุปหรือการตัดสินใจอย่างเป็นลำดับขั้นตอน รองรับการประเมินปัญหาที่ซับซ้อนได้
3. การเรียนรู้และปรับตัว (Learning and Adaptation): ด้วยเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) AI Agent สามารถเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่ผ่านมาและปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
4. ความสามารถในการตัดสินใจ (Decision-Making): AI Agent ใช้ข้อมูลสะสมและการวิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของงาน
5. การทำงานโดยยึดเป้าหมาย (Goal Orientation): AI Agent ถูกออกแบบมาให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายง่าย ๆ เช่น การจัดเรียงข้อมูล หรืองานที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่สำคัญ
6. การทำงานอัตโนมัติ (Autonomy): AI Agent สามารถทำงานโดยไม่ต้องอาศัยการกำกับดูแลจากมนุษย์ตลอดเวลา โดยใช้เทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) เพื่อกำหนดกฎเกณฑ์และข้อจำกัดในงานได้อย่างอิสระ
กลุ่มธุรกิจธนาคาร สามารถแบ่งกระบวนการการตรวจสอบเครดิตลูกค้าออกมาได้หลายขั้นตอน พนักงานธนาคารอาจมองเห็นโอกาสว่างานการตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารจากลูกค้าเป็นงานที่ใช้ AI ช่วยได้ ในการทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่มีอยู่จำนวนมาก เมื่อ AI แจ้งว่าได้รับเอกสารครบถ้วนแล้ว พนักงานจึงทำหน้าที่ตรวจทานอีกครั้ง ในกรณีที่ลูกค้าส่งเอกสารมาไม่ครบ AI จะทำการแจ้งเตือนพนักงาน
นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยตรวจสอบได้ด้วยว่า ข้อมูลในเอกสารที่ลูกค้ายื่นนั้นถูกต้องหรือไม่ เช่น ถ้าลูกค้าแจ้งว่าทำงานที่บริษัทนั้น ๆ แต่ AI ตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูล AI จะสามารถแจ้งเตือนพนักงานให้ตรวจสอบข้อมูลนี้อีกครั้งได้เช่นกัน ซึ่งการใช้ประโยชน์จาก AI แบบนี้ถือเป็นคอนเซปต์ของการใช้ AI ในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทชั้นนำระดับโลกต่างให้ความสำคัญและทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนา Agentic AI โดย Salesforce ตั้งเป้าว่าจะพัฒนา Agentic AI ให้เกินพันล้านตัวเพื่อให้บริการกับผู้ใช้ภายในปีหน้า ขณะที่ Google และ OpenAI ก็ประกาศแผนพัฒนา Agentic AI เช่นกัน โดย OpenAI เตรียมเปิดตัว "Operator" ซึ่งมีความสามารถในการดำเนินการแทนผู้ใช้ที่หลากหลาย เช่น การเขียนโค้ดหรือจองตั๋วเครื่องบินผ่านคอมพิวเตอร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง