IBM PC 5150 - ประวัติศาสตร์ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก จากยุค 1980s
ทำความรู้จัก ประวัติศาสตร์ IBM PC 5150 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมและยิงยาวมาจนถึงทุกวันนี้
วันที่ 12 สิงหาคม นอกจากจะเป็นวันแม่แห่งชาติ ในประเทศไทยแล้ว ในอดีต วันนี้เมื่อปี 1981 หรือปี พ.ศ. 2524 ยังเป็นวันที่ IBM บริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญสหรัฐฯ เปิดตัว “คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล” (Personal Computer : PC) เป็นครั้งแรก ชื่อรุ่น “IBM 5150”
การมาถึงของ IBM Personal Computer 5150
แม้ในช่วงเวลานั้น โลกได้รู้จักกับไมโครคอมพิวเตอร์มาบ้างแล้วจากผู้บุกเบิกอย่าง Apple, Commodore และ Tandy แต่การมาถึงของ IBM Personal Computer 5150 ได้เปลี่ยนเกมการแข่งขันไปอย่างสิ้นเชิง และวางรากฐานให้กับโลกคอมพิวเตอร์ที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ตลาดคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้ทั่วไปยังคงเป็นเรื่องของเหล่าโปรแกรมเมอร์และผู้มีงานอดิเรกด้านอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับครัวเรือนหรือสำนักงานทั่วไป บริษัทอย่าง Apple Computer, Inc. ได้สร้างแรงกระเพื่อมด้วยเครื่อง Apple II ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่สำหรับยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์อย่างไอบีเอ็ม ซึ่งเคยชินกับการผลิตเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดมหึมาราคาหลายล้านดอลลาร์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ตลาดนี้ยังคงเป็นดินแดนที่พวกเขาไม่ได้ก้าวเข้ามาอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ที่ฟลอริดา ที่ซึ่งทีมวิศวกรและนักออกแบบเพียง 12 คน ภายใต้การนำของ ดอน เอสทริดจ์ (Don Estridge) ได้รับภารกิจลับในการสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กในชื่อรหัสว่า "Project Chess"
สิ่งที่ทำให้ภารกิจของเอสทริดจ์และทีมงานแตกต่างไปจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของไอบีเอ็มอย่างสิ้นเชิง คือแนวคิด "สถาปัตยกรรมแบบเปิด" (Open Architecture) แทนที่จะออกแบบและผลิตทุกชิ้นส่วนด้วยตัวเองเหมือนเคย พวกเขากลับตัดสินใจเลือกใช้องค์ประกอบจากผู้ผลิตภายนอกที่หาได้ในท้องตลาด ซึ่งนับเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์นี้ทำให้พวกเขาสามารถลดต้นทุนและเร่งกระบวนการพัฒนาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หัวใจของ IBM PC 5150 คืออะไร
หัวใจของ IBM PC 5150 คือไมโครโปรเซสเซอร์ Intel 8088 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เฉียบแหลม แม้จะมีโปรเซสเซอร์ 16-บิต ที่ทรงพลังกว่าในตลาด แต่การเลือกใช้ 8088 ซึ่งมีบัสข้อมูลภายนอกแบบ 8-บิต ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงที่มีราคาถูกกว่าและหาได้ง่ายกว่าได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาขายปลีกที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้
และอีกหนึ่งพันธมิตรคนสำคัญที่กำหนดชะตากรรมของพีซี คือบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดเล็กในเวลานั้นที่ชื่อว่า ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งได้รับสัญญาในการจัดหาระบบปฏิบัติการ ไอบีเอ็มได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการที่ไมโครซอฟท์ซื้อสิทธิ์มาและพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น PC-DOS (หรือที่รู้จักในชื่อ MS-DOS) ซึ่งกลายเป็นประตูสู่โลกแห่งซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องพีซีในเวลาต่อมา
เปิดตัวราคา ที่ 1,565 ดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อ IBM PC 5150 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มันมาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 1,565 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้จะยังไม่ใช่ราคาที่ถูกสำหรับทุกคน แต่ก็นับว่าต่ำอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับมาตรฐานของไอบีเอ็มในขณะนั้น ด้วยหน่วยความจำ (RAM) ที่มากกว่าคู่แข่งในตลาดถึง 10 เท่า และการได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายการขายอันแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือของไอบีเอ็ม ทำให้ PC 5150 ทะยานเข้าสู่ตลาดธุรกิจอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น การมาถึงของโปรแกรมสเปรดชีตในตำนานอย่าง "Lotus 1-2-3" ในปี 2525 ได้กลายเป็น "Killer Application" ที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องหันมาซื้อหา IBM PC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ส่งผลให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล
แต่ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากการตัดสินใจเลือกใช้สถาปัตยกรรมแบบเปิดของไอบีเอ็ม คือการกำเนิดขึ้นของระบบนิเวศใหม่ทั้งหมด การที่ไอบีเอ็มเผยแพร่ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของเครื่องอย่างละเอียด เปิดโอกาสให้บริษัทอื่นๆ สามารถผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับ IBM PC ได้ นำไปสู่การเกิดขึ้นของเครื่องคอมพิวเตอร์ "IBM Compatibles" (เครื่องเทียบเคียง) และ "IBM Clones" (เครื่องลอกเลียนแบบ) ที่มีราคาถูกกว่า
แม้ในระยะยาว การเปิดกว้างนี้จะทำให้ไอบีเอ็มสูญเสียความเป็นเจ้าตลาดให้กับผู้ผลิตเครื่องโคลน แต่ในทางกลับกัน มันได้สร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ทรงพลังที่สุดขึ้นมา นั่นคือสถาปัตยกรรมแบบพีซีที่ใช้โปรเซสเซอร์จาก Intel และระบบปฏิบัติการจาก Microsoft หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Wintel" ซึ่งครองตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
จากจุดเริ่มต้นที่เครื่อง IBM 5150 ในวันนั้น วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้แตกแขนงออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop), คอมพิวเตอร์พกพา (Notebook หรือ Laptop) และถูกย่อส่วนลงไปอยู่ในสมาร์ทโฟนที่เราใช้กันทุกวันนี้ แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด มรดกของ IBM PC 5150 และทีมงานของดอน เอสทริดจ์ จะยังคงถูกจารึกไว้ในฐานะจุดเปลี่ยนที่นำพลังแห่งการประมวลผลมาสู่มือของคนทั่วไป และเปิดประตูสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
ที่มา : britannica ibm
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
