ChatGPT ทุบสถิติ รายได้ทะลุ 2 พันล้านเหรียญ ดาวน์โหลด 690 ล้านครั้ง
แอปพลิเคชัน ChatGPT สร้างรายได้ทั่วโลกทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 673% ในปีนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดแชทบอท AI บนสมาร์ทโฟน
SHORT CUT
- ChatGPT รายได้รวม $2 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่าคู่แข่งทั้งหมดรวมกันถึง 30 เท่า แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น
- ChatGPT รายได้เติบโตกว่า 673% ในปี 2025 เป็นสัญญาณว่าความนิยมใน AI ไม่ได้ลดลง แต่ผู้คนกลับยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ระดับพรีเมียมมากขึ้นเรื่อยๆ
- ตัวเลขรายได้ $2.91 ต่อการดาวน์โหลดทั่วโลก และพุ่งไปถึง $10 ในสหรัฐฯ พิสูจน์ว่าโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ของ ChatGPT ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผู้ใช้งานฟรี ให้กลายเป็นลูกค้าที่ยอมจ่ายเงิน
แอปพลิเคชัน ChatGPT สร้างรายได้ทั่วโลกทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 673% ในปีนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดแชทบอท AI บนสมาร์ทโฟน
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2023 แอปพลิเคชัน ChatGPT ทำรายได้ไปแล้วกว่า $2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 73,000 ล้านบาท)
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่ารายได้รวมของคู่แข่งสำคัญอย่าง Claude, Copilot และ Grok ถึง '30 เท่า' สะท้อนให้เห็นถึงการครองตลาดของ ChatGPT ในกลุ่มผู้ใช้งานบนสมาร์ทโฟน
ข้อมูลในปี 2025 (มกราคม-กรกฎาคม) พบว่า แอป ChatGPT ทำรายได้ไปแล้วถึง $1.35 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมหาศาลถึง 673% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้ $174 ล้านดอลลาร์
โดยเฉลี่ยแล้ว ปัจจุบัน ChatGPT ยังสามารถสร้างรายได้เกือบ $193 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก $25 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปีที่แล้ว
เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง Grok ซึ่งทำรายได้ในปีนี้ไปประมาณ $25.6 ล้านดอลลาร์ จะเห็นว่ารายได้ของ ChatGPT สูงกว่าถึง 53 เท่า
ปัจจุบันแอป ChatGPT มียอดดาวน์โหลดทั่วโลกแล้วประมาณ '690 ล้านครั้ง'
อีกหนึ่งตัวชี้วัดที่น่าสนใจคือ รายได้เฉลี่ยต่อการดาวน์โหลด ซึ่ง ChatGPT ยังคงเป็นผู้นำด้วยตัวเลข $2.91 ตามมาด้วย Claude ($2.55), Grok ($0.75) และ Copilot ($0.28)
ในตลาดสหรัฐอเมริกา ตัวเลขนี้พุ่งสูงถึง $10 ต่อการดาวน์โหลด ทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นตลาดที่สร้างรายได้ให้แอปมากที่สุดถึง 38% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่ตลาดใหญ่อันดับสองคือเยอรมนี (5.3%)
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของจำนวนการดาวน์โหลด อินเดียกลับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด (13.7%) ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา (10.3%) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้ฐานผู้ใช้ในอินเดียจะใหญ่ แต่กำลังซื้อและการยอมจ่ายเงินของผู้ใช้ในสหรัฐฯ นั้นสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา : TechCrunch
