svasdssvasds

เบื้องหลังความฉลาดของ AI คือแรงงานที่ได้ค่าจ้างน้อยนิด

เบื้องหลังความฉลาดของ AI คือแรงงานที่ได้ค่าจ้างน้อยนิด

ทำไม Chatbot AI ถึงตอบคำถามได้ในทุกเรื่อง? ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังคำตอบเหล่านั้นคือมนุษย์แรงงานหลายพันคนที่ต้องคอยปรับปรุงคำตอบของ AI แลกกับค่าจ้างเพียงน้อยนิด

SHORT CUT

  • เบื้องหลังความฉลาดของ AI คือแรงงานมนุษย์ที่เรียกว่า "ผู้ประเมิน AI" ซึ่งทำหน้าที่ฝึกฝนและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบเพื่อให้ AI มีความแม่นยำและปลอดภัย
  • ผู้ประเมินมีหน้าที่หลากหลาย ตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลเฉพาะทาง การลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ไปจนถึงการปรับปรุงให้ AI ตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนมนุษย์
  • แม้จะมีบทบาทสำคัญและทำงานภายใต้ความกดดันสูง แต่แรงงานกลุ่มนี้กลับได้รับค่าจ้างที่ต่ำมาก ซึ่งสวนทางกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรม AI

ทำไม Chatbot AI ถึงตอบคำถามได้ในทุกเรื่อง? ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังคำตอบเหล่านั้นคือมนุษย์แรงงานหลายพันคนที่ต้องคอยปรับปรุงคำตอบของ AI แลกกับค่าจ้างเพียงน้อยนิด

ท่ามกลางการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกในการพัฒนา AI ที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะ Chatbot AI ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเบื้องหลังความฉลาดของ AI เหล่านั้น พวกมันได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจากกลุ่มแรงงานที่ทำงานอย่างหนักโดยมีค่าจ้างเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับพนักงานด้านอื่น

พวกเขาคือ "ผู้ประเมิน AI"

ในการแข่งขันพัฒนา Chatbot AI นั้น หนึ่งในสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือ 'ความแม่นยำ' ในการตอบคำถามอย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยเฉพาะความรู้เฉพาะทางในด้านการแพทย์ สถาปัตยกรรม และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ผิดพลาด หรือคำตอบที่อาจเป็นอันตรายผู้ใช้งาน

นั่นคือหน้าที่หลักของ "ผู้ประเมิน AI" หลายพันคนที่เปรียบเสมือนแรงงานเงาของอุตสาหกรรมนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า AI จะตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลกได้อย่างถูกต้องโดยไม่เกิดข้อผิดพลาด 

เบื้องหลังความฉลาดของ AI คือแรงงานที่ได้ค่าจ้างน้อยนิด

ผู้ประเมินเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ผู้ประเมินทั่วไปและผู้ประเมินระดับสูง ภายในกลุ่มผู้ประเมินระดับสูงนั้น มีกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องมีความรู้เฉพาะทางจากสายอาชีพต่างๆ เช่น นักเขียน คุณครู ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไปจนถึงผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์

ในแต่ละวัน พวกเขาต้องคอยตรวจสอบการทำงานของ AI ในทุกด้านที่มันสามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม เขียนบทความ วิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างภาพยนตร์หรือเรื่องราวสั้นๆ ต้องคอยจัดการลบเนื้อหาที่รุนแรงหรือเนื้อหาทางเพศที่โจ่งแจ้งที่ AI สร้างขึ้น  ทั้งยังต้องให้คะแนนการตอบคำถามของ AI ในแต่ละครั้ง ด้วยการประเมินความถูกต้องและความละเอียดลึกซึ้งของคำตอบ 

ที่สำคัญที่สุดคือการช่วยปรับปรุงให้ AI เหล่านั้น "ให้คำตอบที่ดีขึ้นและฟังดูเป็นมนุษย์มากขึ้น"

ผู้ประเมินบางคนต้องเผชิญกับการรับมือชุดข้อมูลที่หลากหลายในทุกๆ วัน เช่น คำถามด้านสุขภาพ การเงิน การหาที่อยู่อาศัย การเลี้ยงเด็ก ไปจนถึงคำถามที่ละเอียดอ่อนทางสังคมอย่าง 'เมื่อไหร่ที่การทุจริตจะหมดไป' หรือ 'ประโยชน์ของการมีทหารเกณฑ์' ซึ่งหลายครั้งการประเมิณข้อมูลเหล่านี้ก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตของพวกเขาเอง

หนึ่งในนักประเมินระดับสูงในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในบางวันเขาได้รับการป้อนงานให้ประเมินคำตอบของคำถามหลายข้อที่เขาไม่มีคุณสมบัติหรือความรู้เพียงพอที่จะตอบได้ เช่น คำถามเกี่ยวกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ขั้นสูง แต่ก็ต้องพยายามหาวิธีตรวจสอบความถูกต้อง โดยมีเวลาเพียง 15-30 นาทีต่อคำถามเท่านั้น

นอกจากนี้ หากมีชุดคำถามใดที่ผู้ประเมินมีความเห็นไม่ตรงกัน พวกเขาจะต้องจัดการประชุมเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งจะต้องเกิดการถกเถียงอย่างหนักว่าความคิดเห็นของฝ่ายใดที่จะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาคำตอบดังกล่าวอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องทำงานภายใต้ความกดดันและความรับผิดชอบที่สูงมาก แต่พวกเขาไม่เคยได้รับการระบุตำแหน่งหน้าที่ที่มีตัวตน ไม่เคยได้รับข้อมูลว่าสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทจะถูกนำไปใช้งานอย่างไร ทั้งยังได้รับค่าตอบแทนเพียง 16 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงสำหรับผู้ประเมินทั่วไป และ 21 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงสำหรับผู้ประเมินระดับสูงเท่านั้น สวนทางกับทิศทางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ขณะที่หนึ่งในนักเขียนที่เริ่มทำงานเป็นผู้ประเมิน AI ตั้งแต่ปี 2024 กล่าวว่า "ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ AI กำลังถูกขายราวกับเป็นเวทมนตร์ทางเทคโนโลยี แต่ความจริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นบนหลังของมนุษย์ที่ทำงานหนักเกินไปและได้รับค่าจ้างเพียงน้อยนิดเท่านั้น"