SHORT CUT
David Solomon จากสถาบันการลงทุน Goldman Sachs เตือนนักลงทุนเตรียมรับมือตลาดหุ้นปรับฐาน ชี้แม้ AI จะมีโอกาส แต่ก็มีความเสี่ยงที่ไม่ต่างจากฟองสบู่ในอดีต
David Solomon CEO ของ Goldman Sachs ยักษ์ใหญ่ของวอลล์สตรีท ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของตลาดหุ้นในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าอาจเกิด "การปรับฐาน" หรือภาวะที่ตลาดปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
Solomon ระบุว่าภาวะตลาดกระทิงที่ดำเนินมาอย่างยาวนานทำให้การปรับฐานไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ โดยดัชนี S&P 500 ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ถึง 190 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยี AI และการเติบโตของหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่อย่าง NVIDIA
เมื่อถูกถามถึงกระแสการลงทุนใน AI ที่หลายคนมองว่าเป็น "ฟองสบู่" Solomon ได้ให้ความเห็นว่าปรากฏการณ์นี้ไม่ต่างจากครั้งอื่นๆที่มีเงินทุนจำนวนมหาศาล และเขายอมรับว่า "จะมีเงินทุนจำนวนมากที่ถูกนำไปใช้แล้วไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้" ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงจรการลงทุน
มุมมองนี้สอดคล้องกับบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยี เช่น Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ที่มองว่านี่อาจเป็น "ฟองสบู่เชิงอุตสาหกรรม (Industrial Bubble)"
ซึ่งหมายความว่าแม้ราคาหุ้นอาจจะลดลงในที่สุด แต่เม็ดเงินลงทุนมหาศาลจะสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อสังคม เหมือนกับการลงทุนในสายเคเบิลใยแก้วนำแสงในยุคฟองสบู่ดอทคอม (Dot-com Bubble)
ด้าน Sam Altman, CEO ของ OpenAI ก็ยอมรับว่าวงจรของการลงทุนย่อมมีทั้งช่วงเฟื่องฟูและซบเซาเป็นเรื่องปกติ
แม้จะแสดงความกังวลต่อตลาดการลงทุนในระยะสั้น แต่ Solomon ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของ AI ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานทั่วโลก โดยเขากล่าวว่า "เราเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์เท่านั้น"
Goldman Sachs เองก็ได้นำ AI เข้ามาปรับใช้ในองค์กรอย่างจริงจัง เช่น การใช้เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดสำหรับวิศวกรซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 20% รวมถึงการพัฒนา "Banker Copilot" ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ภายในเพื่อทำงานกับข้อมูลที่เป็นความลับ