svasdssvasds

ทำความรู้จัก เทคโนโลยี LiDAR ทางออกปัญหาพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา

ทำความรู้จัก เทคโนโลยี LiDAR ทางออกปัญหาพื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา

ทำความรู้จัก LIDAR เทคโนโลยีสำรวจระยะไกลที่ใช้เลเซอร์สร้างแผนที่ภูมิประเทศ 3 มิติความแม่นยำสูง สามารถทะลุผ่านป่าทึบเพื่อเห็นสภาพพื้นผิวจริงได้ ไทย-กัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการประชุม JBC ที่จะนำมาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

SHORT CUT

  • LiDAR เป็นเทคโนโลยีสำรวจระยะไกลที่ใช้เลเซอร์สร้างแผนที่ภูมิประเทศ 3 มิติความแม่นยำสูง สามารถทะลุผ่านป่าทึบเพื่อเห็นสภาพพื้นผิวจริงได้
  • เทคโนโลยีนี้สามารถหาแนว "สันปันน้ำ" ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญในสนธิสัญญาเขตแดนไทย-กัมพูชาได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดข้อโต้แย้งจากแผนที่เก่าที่อาจคลาดเคลื่อน
  • ไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการประชุม JBC ที่จะนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

ทำความรู้จัก LIDAR เทคโนโลยีสำรวจระยะไกลที่ใช้เลเซอร์สร้างแผนที่ภูมิประเทศ 3 มิติความแม่นยำสูง สามารถทะลุผ่านป่าทึบเพื่อเห็นสภาพพื้นผิวจริงได้ ไทย-กัมพูชาเห็นชอบร่วมกันในการประชุม JBC ที่จะนำมาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน

LiDAR (Light Detection and Ranging) เป็นเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลที่ใช้แสงเลเซอร์ในการวัดระยะทาง และสร้างแบบจำลองภูมิประเทศแบบ 3 มิติ ด้วยความแม่นยำสูง โดยทำงานผ่านการยิงแสงเลเซอร์จากเครื่องบิน หรือโดรน แล้วบันทึกเวลาที่แสงสะท้อนกลับมาคำนวณเป็นระยะทางและความสูง

หลักการทำงานของ LiDAR

  1. ยิงพัลส์เลเซอร์ลงสู่พื้นดินหรือวัตถุเป้าหมาย
  2. วัดเวลาที่แสงสะท้อนกลับ เพื่อคำนวณระยะทาง
  3. สร้างแผนที่ 3 มิติ (Point Cloud) แสดงรายละเอียดภูมิประเทศ เช่น ภูมิประเทศ อาคาร ป่าไม้

จุดเด่นของ LiDAR

  • มีความแม่นยำสูง

สามารถวัดระดับความสูงได้แม่นยำถึง ±10 ซม.

เหมาะสำหรับการหาค่า "สันปันน้ำ (Watershed)" ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญในสนธิสัญญาไทย-กัมพูชา 1904

  • สามารถสแกนผ่านพื้นที่ทึบ

เลเซอร์ทะลุผ่านใบไม้และพืชพรรณ ทำให้เห็นภูมิประเทศจริงแม้ในป่าทึบ

ลดข้อโต้แย้งจากแผนที่เก่า

แผนที่ฝรั่งเศส 1 : 200,000 วาดด้วยมือและอาจคลาดเคลื่อน แต่ LiDAR ให้ข้อมูลตามสภาพภูมิประเทศจริง

ส่วนงานด้านอื่นๆ ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ก็มีมากมาย เช่น งานด้านภัยพิบัติ การสำรวจแม่น้ำเพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติให้ทราบข้อมูลความลึกตื้น หรือการตรวจสอบน้ำท่วม การสร้างแบบจำลองมลพิษ (Modelling of the pollution) แสดงถึงความหนาแน่นของมลพิษเพื่อนำไปบริหารจัดการเมืองให้ดีขึ้น หรืองานด้านโบราณคดีและการก่อสร้างอาคาร (Archeology and building construction) ที่ LiDAR จะสามารถเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึงได้ ข้อมูลโครงสร้างของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง อาจเป็นการเก็บข้อมูลหรือเพื่อนำมาใช้วางแผนการบูรณะวัตถุและโบราณสถานก็ได้

 

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เป็นหน่วยงานที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการปฏิบัติภารกิจ สำหรับโครงการการสำรวจทางโบราณคดีด้วยเทคโนโลยีสำรวจระยะไกล เพื่อสนับสนุนการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์และนำมาวิเคราะห์การเชื่อมโยงข้อมูลเชิงพื้นที่ จนนำไปสู่การค้นพบหลักฐานที่สามารถคาดการณ์ถึงความน่าจะเป็นของการตั้งถิ่นฐานหรือเกิดขึ้นของแหล่งโบราณคดี

ทั้งนี้ LiDAR ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว และได้มีการพัฒนาให้มีความละเอียดสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันและด้วยความหลากหลายในการใช้งาน ซึ่งมีทั้งแบบติดตั้งบนพื้นหรือบนรถ สแกนได้รอบตัว ติดตั้งในอากาศยานไร้คนขับ ยูเอวี หรือโดรน ให้บินถ่ายภาพในมุมสูง หรือติดตั้งบนดาวเทียม ยานอวกาศ และแบบติดเป็นเป้สะพายหลัง สำหรับการเดินสำรวจ เช่น ในพื้นที่ป่าไม้หรือตามโบราณสถานต่างๆ และที่สำคัญ คือ ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องแม่นยำสูง ในระดับไม่เกิน 10 เซนติเมตร ทำให้ปัจจุบัน LiDAR กลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูง และเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ดังเช่น การนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ เพื่อใช้จดจำใบหน้าและสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ซึ่งคาดกันว่า LiDAR จะกลายเป็นเทคโนโลยีทั่วไปที่มีในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในไม่กี่ปีข้างหน้า

LiDAR จะประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบหลัก

  1. ระบบ Sensor หรือ การวัดระยะทางด้วยแสงเลเซอร์
  2. ระบบ GPS หรือ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกเพื่อระบุตำแหน่งและความสูงของเครื่องรับสัญญาณ
  3. Inertial Measurement Unit (IMU) หรือ เครื่องวัดอาศัยความเฉื่อยที่คอยช่วยวัดการวางตัวหรือการหมุนของเครื่องบินหรือดาวเทียม

 

 

การนำมาประยุกต์ใช้

1. เหมาะสำหรับนำมาใช้แก้ปัญหาพื้นที่พิพาทไทย - กัมพูชา

  • ตรวจสอบเส้นสันปันน้ำ ว่าแผนที่ฝรั่งเศสตรงกับสภาพจริงหรือไม่
  • สำรวจพื้นที่ทับซ้อน เช่น บริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อหาข้อเท็จจริงร่วม
  • สร้างแบบจำลองดิจิทัล เสนอต่อศาลหรือคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC)

2. สหรัฐอเมริกา - แคนาดา ใช้ LiDAR ปักปันเขตแดนในพื้นที่ป่าสูง

3. เนปาล - อินเดีย ใช้สำรวจพื้นที่พิพาทเชิงเทือกเขาหิมาลัย

ไทย-กัมพูชาเห็นพ้องใช้ LiDAR จัดทำภาพถ่ายทางอากาศ-หลักเขตแดน

ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา Joint Boundary Commission หรือ JBC ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ฝ่ายไทยซึ่งมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดนเป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายไทย ด้านฝ่ายกัมพูชา มีนายลำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมฝ่ายกัมพูชา

แถลงการณ์โดฝ่ายไทย ระบุว่า โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน นอกจากนี้ยัง เห็นชอบให้มีการแก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) เพื่อนำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ อีกด้วย

ที่มา : สนามไชย2 , เนคเทค สวทช. , GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related