Pomelli : เครื่องมือ AI ตัวใหม่จาก Google สร้างแคมเปญโซเชียลได้ คิดคอนเทนต์ Marketing

ในโลกที่การสร้างคอนเทนต์ต้องแข่งกับเวลา งบประมาณ และอัลกอริทึม — Google เปิดตัว “Pomelli” จาก Google Labs เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMBs) สร้างแคมเปญโซเชียลมีเดียได้ “เร็วขึ้น ถูกลง และฉลาดขึ้น” โดยไม่ต้องมีทีมดีไซน์หรือเอเจนซี่มืออาชีพอยู่ข้างหลัง

ปัญหาของแบรนด์เล็กไม่ใช่ไอเดีย แต่คือ “เวลาและความต่อเนื่อง” 

ธุรกิจเล็กจำนวนมากรู้ดีว่า การมีตัวตนบนออนไลน์คือเรื่องจำเป็น
แต่ในความเป็นจริง การผลิตเนื้อหาที่สอดคล้องกับแบรนด์ ต้องใช้ทั้งเวลา ทักษะ และต้นทุนสูง
Google เห็นช่องว่างนี้ และร่วมมือกับ DeepMind เพื่อสร้าง Pomelli ขึ้นมาในฐานะ “AI Marketing Partner” ที่เข้าใจ DNA ของธุรกิจคุณแบบเฉพาะตัว

 3 ขั้นตอนที่เปลี่ยนธุรกิจให้มีทีมมาร์เก็ตติ้งในตัว

1. สร้าง “Business DNA” ภายในไม่กี่คลิก
เพียงใส่ลิงก์เว็บไซต์ของคุณ Pomelli จะวิเคราะห์แบรนด์โดยอัตโนมัติ — ตั้งแต่โทนเสียง ฟอนต์ สี ไปจนถึงภาพลักษณ์ เพื่อสร้าง “Brand Identity Profile” ที่จะเป็นฐานให้ทุกโพสต์และแคมเปญมีเอกลักษณ์เดียวกันเสมอ

2. สร้างไอเดียแคมเปญที่เข้ากับคุณโดยเฉพาะ
หลังจากเข้าใจแบรนด์แล้ว Pomelli จะเสนอแนวคิดแคมเปญที่เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ
ผู้ใช้สามารถเลือกจากไอเดียที่ระบบแนะนำ หรือพิมพ์ prompt ของตัวเอง เพื่อให้ AI สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลยุทธ์มากที่สุด

3. แก้ไขและผลิตชิ้นงานคุณภาพสูงได้ในที่เดียว
Pomelli จะสร้างชุดสื่อพร้อมใช้ เช่น โพสต์สำหรับ Facebook, Instagram หรือโฆษณาเว็บไซต์
ทั้งหมดถูกออกแบบให้ตรงตาม DNA ของแบรนด์ และสามารถปรับแก้ข้อความหรือภาพได้ทันที ก่อนดาวน์โหลดเพื่อนำไปใช้จริง

ปัจจุบัน Pomelli เปิดให้ทดลองใช้งานในสถานะ Public Beta สำหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษใน 4 ประเทศ — สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

Google ยืนยันว่านี่คือเพียง “ก้าวแรก” ของเครื่องมือ AI ด้านมาร์เก็ตติ้ง และกำลังเปิดรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้เพื่อพัฒนาให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย

เมื่อแบรนด์เล็กมีเสียงที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย AI 

Pomelli คือสัญญาณชัดว่า ยุคใหม่ของการตลาดไม่ได้อยู่ที่ขนาดทีม แต่อยู่ที่ “ความชาญฉลาดของเครื่องมือ”
ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านกาแฟในเชียงใหม่ หรือสตูดิโอเสื้อผ้าเล็ก ๆ ในกรุงเทพฯ — AI กำลังทำให้ทุกแบรนด์มีโอกาสสื่อสารอย่างมืออาชีพได้ไม่ต่างจากบริษัทระดับโลก

ที่มา : labs.google  blog.google