
SHORT CUT
นิตยสาร Time ยกให้ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI รวมถึง เจนเซ่น หวง, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก, อีลอน มัสก์ และเฟย-เฟย หลี่ เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี 2025 จากความสามารถในการเป็นผู้ขับเคลื่อนยุคของเครื่องจักรที่คิดได้ผ่านเทคโนโลยีทรงพลังที่พลิกโฉมโลก
นิตยสาร Time ฉบับบุคคลแห่งปี ประจำปี 2025 ยกย่องสถาปนิกผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี โดยมี เจนเซ่น หวง ซีอีโอของ Nvidia, มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Meta ตลอดจน อีลอน มัสก์ เจ้าของ X และ เฟย-เฟย หลี่ แม่ทูนหัวแห่ง AI ร่วมกันปรากฏอยู่บนปกหนึ่งในสองแบบของนิตยสาร
ในปีนี้ นิตยสาร Time ฉบับบุคคลแห่งปีประกอบด้วย ปก 2 แบบด้วยกัน โดยแบบแรกเป็นภาพศิลปะที่แสดงตัวอักษรคำว่า AI ล้อมรอบด้วยกลุ่มคนทำงาน และอีกแบบเป็นภาพวาดที่เน้นเหล่าผู้นำด้านเทคโนโลยี AI
นิตยสาร Time ระบุว่าปกนี้เป็นการถกเถียงเกี่ยวกับการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบถูกแทนที่ด้วยการแข่งขันเพื่อนำ AI มาใช้ให้เร็วที่สุด แต่กลุ่มที่กลัวความเสี่ยงไม่ได้อยู่หลังพวงมาลัยอีกต่อไป ด้วยความช่วยเหลือของ เจนเซ่น หวง, มาซาโยชิ ซัน ซีอีโอของ SoftBank, แซม อัลต์แมนและผู้ยิ่งใหญ่แห่ง AI คนอื่น ๆ มนุษยชาติกำลังพุ่งทะยานไปบนทางหลวงด้วยความเร็วเต็มกำลัง โดยไม่เบรก เพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยระบบอัตโนมัติและความไม่แน่นอน
บทความหลักของนิตยสาร Time ในปีนี้เป็นการสำรวจว่า AI ได้เปลี่ยนโลกในปีที่ผ่านมาอย่างไร ทั้งในรูปแบบใหม่ๆ และบางครั้งในรูปแบบที่น่ากังวล รวมถึง บทสัมภาษณ์เจ่นเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia ผู้ผลิตชิปที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ AI และนักลงทุนด้าน AI อย่าง มาซาโยชิ ซัน ซีอีโอของ SoftBank
บทความยังสำรวจถึงประเด็นชวนกังวล เช่น การเสียชีวิตของวัยรุ่น อายุ 16 ปีในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ที่จบชีวิตตัวเอง จากนั้นพ่อแม่ของเด็กฟ้องร้องบริษัท OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT โดยกล่าวโทษว่ามีส่วนทำให้ลูกชายของตัวเองเสียชีวิตจากบทสนทนาที่คุยกับแชตบอต
“แซม เจคอบส์” (Sam Jacobs) บรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Time กล่าวว่า ไม่มีใครส่งผลกระทบต่อปี 2025 ได้มากเท่ากับผู้ที่จินตนาการ ออกแบบและสร้าง AI พร้อมเสริมว่า มนุษยชาติจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของ AI และพวกเราทุกคนมีบทบาทในการกำหนดโครงสร้างและอนาคตของเทคโนโลยีนี้
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปกนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI และบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมไปอย่างรวดเร็วเพียงใด ท่ามกลางบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ต่างทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการพัฒนา AI และโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำเหนือคู่แข่ง
ความเคลื่อนไหวนี้ยังเกิดขึ้นในขณะที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษญ์กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ช่วงปลายปี 2022 โดยแซม อัลต์แมน” ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยในเดือนกันยายนว่า แชตบอตของบริษัทมีผู้ใช้งานประมาณ 800 ล้านคนต่อสัปดาห์
ขณะที่ “ซักเคอร์เบิร์ก” ได้ปรับทิศทางของ Meta มุ่งหน้าสู่การเทคโนโลยีนี้ รวมถึง การฝังแชตบอต AI ในแอปพลิเคชันยอดนิยมของบริษัท
“โธมัส ฮัสซัน” (Thomas Husson) นักวิเคราะห์จาก Forrester กล่าวว่า ปี 2025 อาจถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับความถี่ที่ AI ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และเสริมว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้ AI โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เนื่องจาก AI ถูกติดตั้งไว้ในฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และบริการต่าง ๆ ทำให้การใช้งานแพร่หลายเร็วกว่าการปฏิวัติอินเทอร์เน็ตหรือมือถือมาก
ในตอนนี้บางคนเลือกใช้แชตบอทแทนเสิร์ชเอนจินและโซเชียลมีเดียเพื่อวางแผนทริป หาของขวัญคริสต์มาส และค้นหาสูตรอาหาร ขณะที่บางคนซึ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ข้อมูลที่ถูกนำไปเทรน AI และผลกระทบต่ออาชีพของตัวเองก็เลือกที่จะเลี่ยงการใช้งาน AI โดยสิ้นเชิง
“นิก ไครินอส” (Nik Kairinos) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของห้องปฏิบัติการ Fountech AI กล่าวว่า ปกของนิตยสาร Time เป็นการประเมินอย่างตรงไปตรงมาถึงอิทธิพลของเทคโนโลยีนี้ แต่คิดว่า การยอมรับไม่ควรสับสนกับความพร้อม ในตอนนี้ AI ยังอาจเป็นทั้งผู้ช่วยชีวิตหรือภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ พร้อมเสริมว่า เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างระบบ AI ที่น่าเชื่อถือ มีความรับผิดชอบและสอดคล้องกับค่านิยมของมนุษย์ สำหรับผู้ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีและนำเครื่องมือ AI ออกสู่ตลาด ความรับผิดชอบนั้นใหญ่หลวงมาก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุคคลแห่งนี้ถูกมอบให้กับคนกลุ่มใหญ่ โดยในปี 2014 เป็นกลุ่มผู้ต่อสู้กับโรคอีโบลาและในปี 2002 เป็นกลุ่มผู้เปิดเผยข้อมูล
ก่อนหน้านั้นในปี 1982 นิตยสาร Time ได้มอบรางวัลนี้ให้กับคอมพิวเตอร์ โดยระบุว่า ชาวอเมริกันมีความหลงใหลในอุปกรณ์นี้อย่างมาก
นิตยสาร Time เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสความนิยม แต่ก็กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นความรู้สึกว่าชีวิตจะดีขึ้นได้อย่างไร
คอมพิวเตอร์ถูกแทนที่ด้วยเหล่าผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีจำนวนมากในยุคนั้น รวมถึง สตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple และจอห์น โอเพล ประธานบริษัท IBM
จากนั้นในปี 2006 รางวัลบุคคลแห่งปีถูกมอบให้แก่ "คุณ" ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อแสดงถึงพลังของบุคคลในโลกออนไลน์
ผู้ร่วมเขียนบทความในวิกิพีเดีย ยูทูบเบอร์ยุคบุกเบิก และผู้ใช้ MySpace ถูกยกให้เป็นตัวอย่างของคนจำนวนมากที่แย่งชิงอำนาจกลับมาจากคนกลุ่มน้อยและช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลตอบแทน พร้อมกล่าวต่อว่า สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงโลก แต่ยังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่โลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย
ที่มา: BBC, Reuters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง