รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ แนะนำนักลงทุนอย่าห่วงตัวเลขจีดีพี ให้สนใจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในโลกยุคดิจิทัล ด้วยการใช้ภาคเกษตรเป็นพื้นฐานและสร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านการค้าขายแบบอีคอมเมิร์ซ ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต้องร่วมมือกันไม่ใช่ “ต่างคนต่างทำ”
ในงาน Dinner Talk Thailand economic outlook 2019 อนาคตเศรษฐกิจไทย ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยมีนักธุรกิจระดับซีอีโอจากบริษัทชั้นนำ ผู้ประกอบการรายใหญ่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ และ นักลงทุนจำนวนมากร่วมรับฟัง
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนประเทศให้เข้าสู่โลกยุคดิจิทัล นักลงทุนต้องมาลงทุนในบ้านเรา เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเผชิญความท้าทายทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจ จนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ในวิกฤตก็มีโอกาสเสมอ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานสำคัญในการสร้างศักยภาพ ความเข้มแข็งให้พื้นฐานเศรษฐกิจไทย ถึงแม้จะไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นครั้งแรกที่มุ่งปฏิรูปนับตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง
สิ่งที่รัฐบาลและเอกชนจะต้องทำ คือ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ต้องมีความพอดีระหว่าง Local economy กับการส่งออก เปลี่ยนแปลงภาคการเกษตร ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และ ค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซจากชนบทไปสู่โลก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ การลงทุนดิจิทัล เมื่อมีอินเทอร์เน็ต ทุกหมู่บ้านก็จะเกิดการเรียนรู้ ทำให้อนาคตจะมีสตาร์อัพรุ่นใหม่เกิดขึ้น
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับนักลงทุนด้วย ว่า “อย่าห่วงตัวเลขจีดีพีมากนัก” ให้สนใจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ใช้ภาคการเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อน
นายสมคิด ยังกล่าวถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกหนึ่งกลไกหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยย้ำว่า เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ต่างคนต่างทำ เมืองใหญ่ที่จะเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่ง รถไฟต้องไปถึง ถนนต้องไปถึง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในระดับเมืองรอง ทำให้เกิดการกระจายรายได้
ส่วนอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคตข้างหน้า ต้องเพิ่มมูลค่าจากอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิม โดยยกตัวอย่างโครงการอีอีซี ที่มาจากการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและนิคมฯ มาบตาพุดเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา แต่จะทำให้เป็นแหล่งผลิตขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่าง CLMVT เข้า-ออก ไทยได้