อดีตรมว.คลัง ค้านแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อ-สภาพคล่องในระบบต่ำ หวั่นเศรษฐกิจประเทศทรุด เสนอเดินตามประเทศพัฒนาแล้ว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมว.คลัง คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติให้ความเห็นว่า "แบงค์ชาติไม่ควรขึ้นดอกเบี้ย จนกว่า ความสามารถในการผลิต (Capacity utilization rate) จะสูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งจะทำให้ศก.ปท.เจริญเติบโตมากที่เป็นอยู่"
อดีตรมว.คลังกล่าวในรายละเอียดว่าศก.สหรัฐฯ เติบโตมากเกินไป เขาจึงขึ้นดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจไทยแย่ โตต่ำกว่าความสามารถมาก โตต่ำกว่าเพื่อนบ้านทุกประเทศใน ASEAN เงินเฟ้อก็ต่ำเกินไป ประชาชนผลิตแล้วขายของไม่ได้จึงไม่มีกำลังซื้อ ความจริงเราต้องลงดอกเบี้ย เพื่อให้มีปริมาณเงินในประเทศเพิ่มขึ้น ประชาชนมีเงินใช้สอยมากขึ้น ชาวบ้านจะขายของได้ และค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปทุกวันนี้ จะได้อ่อนค่าลงตามธรรมชาติ จะได้ส่งออก คือขายของให้ต่างประเทศได้มากขึ้น
แบงค์ชาติควรมีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพ ในระบบเศรษฐกิจที่เติบโตสูง ไม่ใช่กดเศรษฐกิจจนแทบไม่เจริญเติบโต แล้วรักษาเสถียรภาพให้เงินเฟ้อต่ำๆ
เป้าหมายของชาติ ในการดำเนินนโยบายการคลัง การเงิน และอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้คนทุกคนมีงานที่ดีๆทำ มีรายได้มากๆ ครอบครัวเขาจะได้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ประเทศเจริญเติบโตในอัตราสูง
ผมหวังว่าผู้บริหารแบงค์ชาติ จะกลับมาคิดเรื่องนี้ เหมือนประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน ที่เจริญเติบโตอย่างมหัศจรรย์ ในทศวรรษที่ 1960 ถึง 1990
หนทางหนึ่งที่รัฐบาลควรคิด ก็คือ การเปลี่ยนนโยบายการเงินมาเป็นการกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม (Exchange rate targeting)
"การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ มีแต่ประเทศที่รวยแล้ว เขาทำกัน ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ จะกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เช่น ประเทศสิงคโปร์
ดร. สุขาติกล่าว