ชาวรัสเซียยุค "ปูติน" ดื่มแอลกอฮอล์ลดลงกว่า 40%

รัสเซียได้ชื่อว่าเป็นชาตินักดื่ม แต่รายงานล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยว่า การบริโภคแอลกอฮอล์ของชาวรัสเซียร่วงลงกว่า 40% จากที่เคยสูงสุดเมื่อต้นทศวรรษ 2000 ดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า การดื่มแอลกอฮอล์ลดน้อยลงเป็นผลจากชุดมาตรการหลากหลายที่รัสเซียนำมาใช้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้ชื่นชอบการเล่นกีฬาขึ้นสู่อำนาจในปี 2543 เช่น ควบคุมการขายแอลกอฮอล์ และส่งเสริมวิถีชีวิตแนวสุขภาพ

“นานมาแล้วที่สหพันธรัฐรัสเซียถูกมองว่า เป็นประเทศดื่มหนักที่สุดชาติหนึ่งของโลก แอลกอฮอล์มีส่วนสำคัญทำให้การเสียชีีวิตเพิ่มขึ้นมากในช่วงทศวรรษ 90 อย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแนวโน้มกลับเป็นตรงกันข้าม” รายงานดับเบิลยูเอชโอระบุ

ผลการศึกษาพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ต่อหัวประชากรของรัสเซียระหว่างปี 2546-2559 ลดลง 43% เนื่องจากการบริโภคสุราเถื่อนลดลงอย่างมาก แนวโน้มนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มอายุคาดหวังของชาวรัสเซีย ให้สูงสุดเป็นประวััติการณ์ในปี 2561 ผู้หญิง 78 ปี ผู้ชาย 68 ปี ในช่วงเวลาผันผวนต้นทศวรรษ 90 ชายรัสเซียอายุคาดหวังที่แค่ 57 ปีเท่านั้น ภายใต้การบริหารประเทศของปูติน รัสเซียใช้มาตรการหลายอย่าง เช่น ห้ามร้านค้าขายแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลัง 23.00 น. ขึ้นราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามโฆษณา

ณ บาร์แห่งหนึ่งกลางกรุงมอสโกที่เชี่ยวชาญในการคัดสรรเบียร์ นักดื่มเผยว่า การที่ประชาชนดื่มน้อยลงส่วนหนึ่งเนื่องมาจากข้อห้าม โดยเฉพาะห้ามร้านค้าขายของมึนเมาตอนดึก รวมทั้งผู้คนเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ อเล็กซานเดอร์ ซูคอนต์สตอฟ พนักงานธนาคารวัย 28 ปียอมรับว่า สมาชิกในกลุ่มดื่มน้อยลง อีกทั้งผู้คนยังยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลา ขณะที่โรมัน เพชนิคอฟ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ วัย 38 ปี กล่าวว่า ชาวรัสเซียเปลี่ยนแปลงวิธีดื่ม