การเมืองโลก สหรัฐฯเพิ่มความกดดันทางทหารในทะเลจีนใต้ กล่าวหาจีนว่าฉวยโอกาสจากสถานการณ์โควิด 19 ระบาด ในการขยายอิทธิพลในภูมิภาค
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ การเมืองโลก ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ส่งเรือทหารและเครื่องบินทิ้งระเบิดออกลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ นับเป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าจะยังคงอยู่ในภูมิภาค พร้อมสร้างความมั่นใจให้พันธมิตร
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยโฆษกกองทัพภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก นาวาเอก ไมเคิล คาฟคา ระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ประเทศจีนกำลังพยายามฉวยโอกาสที่ภูมิภาคให้ความสนใจไปที่โควิด 19 ในการขับเคลื่อนผลประโยชน์ของตนเองทั้งทางด้านทหารและเศรษฐกิจ ด้วยการขยายพื้นที่ปฏิบัติการ
สหรัฐฯ ตอกย้ำว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไม่ได้ทำลายศักยภาพในการตอบโต้จีน
“เรามีศักยภาพ และความสามารถที่จะยิงขีปนาวุธระยะไกลไปที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้” แม้ในช่วงสถานการณ์ระบาด พลอากาศเอก ทิโมที เรย์ ผู้ควบคุมกองกำลังทิ้งระเบิดในภูมิภาคกล่าว
วันพุธที่ผ่านมา กองทัพเรือในภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าเรือดำน้ำของกองทัพเรือในภูมิภาคจะเริ่มปฏิบัติการเพื่อสนับสนุน “ความเปิดกว้างและเสรี” ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดไวรัสโคโรนา
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดออกไปลาดตระเวนในภูมิภาคถึง 3 ครั้ง ครอบคลุมแถบทะเลจีนใต้ และมีการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1 จากรัฐเท็กซัสไปยังเกาะกวมด้วย
ปลายเดือนที่แล้ว สหรัฐฯก็ยังท้าทายคำอ้างของจีน ที่ว่าน่านน้ำรอบหมู่เกาะสแปรตลีย์และพาราเซลอยู่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้มีการสร้างค่ายทหารและโรงเก็บสรรพาวุธพร้อมทั้งลานบินที่หมู่เกาะเหล่านี้
จีนออกมาตอบโต้ว่า สหรัฐฯควรจะให้ความสนใจไปที่การรับมือโควิด 19 และหยุดปฏิบัติการทางทหารเสีย
“จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯให้ความสนใจกับเรื่องของตัวเองกับการป้องกันและควบคุมการระบาด มีส่วนร่วมกับประชาคมโลกในการต่อสู้กับโควิด 19 มากขึ้น และหยุดปฏิบัติการทางทหารที่เป้นภัยต้อความมั่นคง สันติสุข และเสถียรภาพ ในภูมิภาค” โฆษกของกองทัพจีน พันเอก หลี่ หวาหมิน ระบุในคำแถลงการณ์
“เรามีความกังวลจากการที่มีการฉวยโอกาสจากจีนมากขึ้น ในการขู่เข็นประเทศเพื่อนบ้าน และผลักดันการอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในทะเลจีนใต้ ในขณะที่ภูมิภาคและประชาคมโลกกำลังมุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ระบาดของโควิด 19” โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ พันโท เดฟ อีสท์เบิร์น กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น
ทะเลจีนใต้นับว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมาก เป็นหนึ่งในเส้นทางการเดินเรือที่ชุกชุมที่สุดของโลก และมีความเป็นไปได้ว่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญอย่างก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอยู่มาก
พื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้ มีการอ้างกรรมสิทธิ์โดยหลายประเทศ ทั้งจีนเอง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไต้หวัน ซึ่งจีนได้สร้างด่านทหารบนพื้นที่เกาะเทียมที่จีนสร้างขึ้นในพื้นที่พิพาท รวมถึงสิ่งก่อสร้างทางทหารอื่นๆ
“เราจะยังคงปฏิบัติการ เสรีภาพโลกในการเดินเรือ ซึ่งกองทัพเรือสหรัฐฯได้ท้าทายการอ้างกรรมสิทธิ์ที่เกินจริง อย่างปลอดภัยและอย่างเป็นมืออาชีพ รวมถึงในทะเลจีนใต้ เราได้แล่นเรือผ่านช่องแคบไต้หวันเพื่อแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ จะบิน ล่องเรือ และปฏิบัติการ ที่ไหนก็ได้ที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตให้ทำ” โฆษกคาฟคากล่าว
สิ่งที่นานาชาติเป็นกังวลมากกว่าเสรีภาพในการเดินเรือที่สหรัฐฯมักอ้างถึง คือการที่จีนสร้างลานบินและฐานทัพ นับเป็นการขยายพื้นที่ขีดความสามารถในการโจมตีของจีน จีนสามารถเปิดการโจมตีจากพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครครอบครอง
นักวิเคราะห์จากสถาบันกริฟฟิทเอเชียของออสเตรเลียระบุว่า การสร้างฐานทหารล่าสุดของจีนนี้ จะทำให้จีนสามารถยิงขีปนาวุธโจมตีลานบินและท่าเรือทางเหนือของประเทศออสเตรเลียได้ การขยายขีดความสามารถในการโจมตีของจีนครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะออสเตรเลียเคยมองว่าลานบินและท่าเรือทางเหนือเหล่านี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยจากระยะการโจมตี
วันพุธที่ผ่านมา เรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯ ยูเอสเอส แม็คแคมเบล (USS McCampbell) ได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน ซึ่งแน่อนว่าทางทหารสหรัฐฯ ระบุกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาที่สหรัฐฯมีให้ต่อ อินโด-แปซิฟิก ที่ “เปิดกว้างและเสรี”
กองทัพจีนมองว่า ช่องแคบไต้หวันมักเป็นโอกาสให้สหรัฐฯเดินทางผ่านเข้ามาในพื้นที่ จีนประท้วงการกระทำของกองทัพเรือสหรัฐฯบ่อยครั้ง และมีหลายครั้งที่ส่งเรือหรือเครื่องบินติดตามเรือสหรัฐฯ
ปฏิบัติการเสรีภาพการเดินเรือ ในบริเวณรอบหมู่เกาะพาราเซล ในเดือนที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้จีนอย่างมาก ทางการจีนตอบโต้ว่า สหรัฐฯกำลังทำสิ่งที่ยุยง และอาจเป็นตัวการให้เกิด “เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” ได้ง่าย ทางฝั่งสหรัฐฯ ก็ระบุว่า เพราะจีนพยายามขู่ชาติอื่นในภูมิภาค
ก่อนหน้านั้น จีนได้ส่งเรือลาดตระเวน พร้อมด้วยเรือรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง และเรือทหารบก เพื่อแสดงกองกำลังในพื้นที่ที่กำลังพิพาทระหว่างจีนและมาเลเซีย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นความพยายามในการข่มบริษัทน้ำมันที่รัฐบาลมาเลเซียเป็นเจ้าของ ที่ได้ส่งเรือขุดเจาะติดธงปานามาเข้าไปสำรวจในพื้นที่พิพาท
เทคนิกการส่งเรือลาดตระเวนเข้าพื้นที่พิพาท เป็นกลยุทธที่จีนใช้มาก่อนแล้วกับเวียดนาม
สหรัฐฯ ตอบโต้การกระทำดังกล่าวของจีน ด้วยการล่องเรือรบใกล้เรือขุดเจาะถึง 2 ครั้ง เป็นการแสดงแสนยานุภาพ เพื่อส่งสัญญาณให้จีนรู้ว่า สหรัฐฯสามารถท้าทายความพยายามของจีนที่จะยึดทรัพยากรในพื้นที่ได้
ด้านจีน ก็ใช้ยุทธการทางทหารในการส่งสัญญาณว่า มีศักยภาพที่จะปฏิบัติการในพื้นที่ที่ห่างไกลขึ้น ในระยะยาวกว่าเดิม เพื่อท้าทายประเทศเพื่อนบ้านและสหรัฐฯ เหมือนอย่างที่ส่งเรือบรรทุกอากาศยานเข้าสู่ทะเลจีนใต้สัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพจาก XinhuaThai