svasdssvasds

เฟซบุ๊กเตรียมตอบโต้รัฐบาลไทย หลังถูกกดดันให้บล็อกข้อความทางการเมือง

เฟซบุ๊กเตรียมตอบโต้รัฐบาลไทย หลังถูกกดดันให้บล็อกข้อความทางการเมือง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เฟซบุ๊กระบุว่ากำลังวางแผนสู้กับรัฐบาลไทยทางกฎหมาย หลังถูกกดดันให้บล๊อกข้อความางการเมืองของกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ว่าเฟซบุ๊กระบุว่า รัฐบาลไทยกดดันให้ต้องปิดกั้นข้อความทางการเมือง ที่รัฐบาลมองว่าเป็นการหมิ่นสถาบัน ไม่เช่นนั้น เฟซบุ๊กประเทศไทยต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พรบ. การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท และเพิ่มอีกวันละ 5,000 บาทจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล

"ขัดแย้งกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล"

โฆษกเฟซบุ๊กระบุว่า “คำขอร้องอย่างนี้ร้ายแรง ขัดแย้งกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแสดงออกของประชาชน”

เฟซบุ๊กย้ำว่า องค์กรทำงานเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคน และกำลังเตรียมตอบโต้คำร้องของรัฐบาลไทยตามกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ระบุว่าเฟซบุ๊กไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอของรัฐบาลไทยให้เข้มงวดกับคอนเทนต์ ที่รวมถึงการหมิ่นสถาบัน และให้เวลาเฟซบุ๊ก 15 วันให้ทำตามคำสั่งศาล

วานนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ระบุว่าเฟซบุ๊กได้ให้ความร่วมมือก่อนที่จะครบ 15 วัน เพราะเฟซบุ๊กมีความเข้าใจบริบทสังคมไทย

อย่างไรก็ตาม พุทธิพงษ์ ไม่ได้ให้ความเห็นกับสำนักข่าวต่างประเทศ กับประเด็นว่าเฟซบุ๊กกำลังเตรียมตอบโต้เรื่องนี้

"เครื่องมือทางการเมือง"

ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้รายงานถึงกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทั้งพลเรือนและรัฐบาล ก็สามารถยื่นคำร้องได้

“รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ก่อตั้งโดย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ปวินถูกสำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักระบุว่าเขาเป้นนักวิชาการที่กำลังลี้ภัยทางการเมืองในญี่ปุ่น

เช้าวันนี้ ตัวแทน “คณะบุคคลเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” พานสุวรรณ ณ แก้ว และประกอบกิจ อินทร์ทอง ได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อสถานทูตญี่ปุ่น ขอให้มีมาตรการจัดการกับปวิน “กรณีจาบจ้วง ยุยงปลุกปั่นด้วยคำที่หยาบคาย อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบันกษัตริย์ และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม”

เฟซบุ๊กและการเมืองนานาประเทศ

นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่เฟซบุ๊กมีความคัดแย้งกับรับบาลประเทศต่างๆ เฟซบุ๊กกำลังเผชิญการตรวจสอบในอินเดีย หลังสำนักข่าว วอลล์สตรีทเจอร์นอล รายงานว่านักการเมืองคนหนึ่งยังคงสามารถใช้งานเฟซบุ๊กได้ แม้ว่ามีการเผยแพร่ข้อความที่เข้าข่ายละเมิดกฎของเฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่องข้อความที่ยุยงและสร้างเกลียดชัง

นอกจากนี้ ในสหรัฐฯ เฟซบุ๊กยังเคยระบุให้โพสต์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บางข้อความเป็นคอนเทนต์ที่สร้างความขัดแย้ง (controversial content)

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กยังคงเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ถูกแบนในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน อิหร่าน ซีเรีย หรือเกาหลีเหนือ

related