
เปลี่ยนความเชื่อเดิมๆ ที่ว่า 'โรคเบาหวาน' ต้องตัดขาดจากสังคม แล้วมาดู 5 เคล็ดลับการกินแบบไทยๆ ที่จะช่วยให้คุณคุมระดับน้ำตาลได้อยู่หมัด พร้อมก้าวเข้าสู่ปีใหม่ด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่าเดิม
เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี หลายคนมักรับประทานอาหารหรือของหวานต่าง ๆ ในงานสังสรรค์มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลกระทบกับสุขภาพในหลายๆด้าน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานกว่า 6 ล้านคน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นเรื่องท้าทายยิ่งกว่าเดิม
สถิติที่น่ากังวล ข้อมูลจากสหพันธ์เบาหวานนานาชาติ ระบุว่าจากปี 2554 ถึงปัจจุบัน อัตราความชุกของโรคเบาหวานในไทยพุ่งจาก 7.5% เป็น 10.2% และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังป่วย ตัวเลขนี้คือสัญญาณเตือนว่า 'ความเข้าใจผิด' และพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยไม่รู้ตัว กำลังทำลายสุขภาพคนไทยอย่างเงียบๆ
ขณะเดียวกันคนไทยยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่ว่า การคุมเบาหวานคือการต้องกินแต่ขนมไร้น้ำตาลและอาหารรสจืดเท่านั้น ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เทศกาลเฉลิมฉลองกับ 'ภาวะเบาหวานสงบ' (Diabetes Remission) สามารถเดินไปด้วยกันได้ หากเราเข้าใจศิลปะของการ 'เลือก' วัตถุดิบ ปริมาณ และวิธีปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ทพญ.ดร.อรุณี ลายธีระพงศ์ ผู้อำนวยการการแพทย์ด้านโภชนาการของแอ๊บบอต ประจำประเทศไทย ระบุว่า “การใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวานไม่ได้หมายความว่าเราต้องละทิ้งรสชาติอาหารหรือวิถีการกินแบบดั้งเดิม สิ่งสำคัญคือการเติมเต็มร่างกายด้วยโภชนาการที่ครบถ้วนและสมดุล และปรับวิถีชีวิตที่ช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อเสริมพลังให้ผู้ป่วยก้าวไปสู่เป้าหมายภาวะเบาหวานสงบได้จริง”
อาหารทอดมักเป็นเมนูประจำงานเทศกาล และเป็นสิ่งที่หลายคนอดใจได้ยาก อาหารที่ผ่านการทอดมักมีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง2 ลองงดเมนูทอด ในช่วงเทศกาล เช่น กล้วยทอด ปอเปี๊ยะทอด และหันมาเลือกอาหารย่าง เช่น ปลาเผา ไก่ย่าง หรือสะเต๊ะหมู/ไก่ ซึ่งให้โปรตีนสูง ไขมันเลวต่ำ และยังคงรสชาติอร่อยโดยไม่เพิ่มน้ำมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดช่วงเทศกาลมากกว่า
อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำมีส่วนช่วยชะลอการดูดซึมกลูโคสและทำให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น³ ตัวเลือกของอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำที่หาได้ง่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ผักใบเขียว (คะน้า, กวางตุ้ง) ข้าวโอ๊ต ถั่วเขียว ข้าวบาร์เลย์ เผือก และข้าวโพดหวาน นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์โภชนาการเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เช่น กลูเซอนา สามารถใช้ทดแทนมื้ออาหารหรือเสริมมื้ออาหารเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
แม้เมนูแกงกะทิจะมีรสชาติเข้มข้นและอร่อย แต่ก็มีไขมันอิ่มตัวสูง ลองเปลี่ยนเป็นต้มยำน้ำใสหรือแกงจืดที่ปรุงด้วยผักและโปรตีนไขมันต่ำ เช่น กุ้งหรือไก่ เมนูเหล่านี้ให้รสชาติไทยแบบคุ้นเคย แต่เบากว่า และอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และโปรตีน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลระดับน้ำตาลในเลือดช่วงเทศกาล
สมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ สะระแหน่ โหระพา และข่า ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับอาหารโดยไม่ต้องพึ่งน้ำตาล5 ในขณะเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงซอสปรุงรสที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม เช่น น้ำจิ้มไก่ หรือซอสหอยนางรม ซึ่งมักมีน้ำตาลแฝงอยู่ ควรอ่านฉลากโภชนาการอย่างละเอียด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี น้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลแทน
ในช่วงเทศกาลที่เต็มไปด้วยขนมหวาน เครื่องดื่มหวาน และของหวานประจำเทศกาล ปริมาณน้ำตาลและพลังงานที่ได้รับอาจเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว การปรับพฤติกรรมง่าย ๆ เช่น สั่งหวานน้อยหรือไม่หวาน และเลือกผลไม้สดที่มีใยอาหารสูงและมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ส้มโอหรือฝรั่ง ซึ่งหวานตามธรรมชาติ จะช่วยลดความเสี่ยงจากระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์ความอยากของหวานในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองได้ดี
การดูแลโรคเบาหวานเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องและเริ่มการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำได้ทุกวันอย่างต่อเนื่อง ช่วงเทศกาลและการเข้าสู่ปีใหม่นับเป็นเวลาที่เหมาะสมในการทบทวนพฤติกรรมการกิน ดูแลโภชนาการอย่างจริงจัง และการทำกิจกรรมง่าย ๆ ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกมื้ออาหารช่วงเทศกาลที่ดีต่อสุขภาพ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ หรือการตั้งเป้าหมายดูแลสุขภาพต้อนรับปีใหม่ ทุกก้าวล้วนมีความหมายเมื่อได้รับคำแนะนำจากบุคลากรด้านการแพทย์ถึงโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เป้าหมายสู่เบาหวานระยะสงบจะเป็นไปได้ เพียงเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้