ลอนดอนเสนอให้ตึก-อาคาร ช่วยลดแสงไฟ ยามค่ำคืน เพื่อลดมลภาวะทางแสง

City of London Corporation หน่วยงานปกครองท้องถิ่นของกรุงลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร มีความพยายาม ยื่นเสนอกฎใหม่ให้เจ้าของตึกและอาคารต่าง ๆ ในเขต Square Mile โซนใจกลางลอนดอนที่มีขนาด 1.12 ตารางไมล์ขึ้นไป และเป็นพื้นที่ที่มีการเปิดไฟกันหนาแน่น ให้ช่วยกัน ปิดไฟที่ไม่ได้ใช้ในตึก

โดยกฏที่พยายามจะเขียนขึ้นมาใหม่นี้ มีจุดประสงค์เพราะลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง  นอกจากนี้ การปิดไฟตามตึก ตามอาคารต่างๆจะลดมลภาวะทางแสงที่เกิดขึ้นจากไฟในตึกเหล่านี้ 

หาก กฎใหม่ที่ขอให้มีการปิดไฟตามตึกตามอาคาร ได้รับการอนุมัติเรียบร้อย , ไปต่อในอนาคต ตึกที่จะสร้างใหม่ต้องทำตามกฎนี้ ส่วนตึกที่สร้างอยู่แล้ว จะไม่ถูกบังคับให้เปลี่ยน แต่จะขอความร่อมมือให้ปรับตัวด้วย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• อิตาลีผุดไอเดีย โซลาร์เซลล์ล่องหน กลมกลืนกับอาคารโบราณ
• ขยะพลาสติกเกลื่อนโลก แต่ ธุรกิจตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดยังสดใส ไปได้สวย
• ญี่ปุ่นนับเกาะประเทศตัวเอง ครั้งแรกในรอบ 35 ปี เจอเกาะเพิ่มกว่า 7,000 เกาะ

หัวใจสำคัญของการมุ่งประเด็น keep The World ครั้งนี้ ก็คืออาคารต่างๆ จะต้องปิดไฟด้านนอกตึกทั้งหมด เว้นแต่ดวงที่เปิดเพื่อความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมใด ๆ ส่วนภายในอาคาร ก็จะขอให้ลดการเปิดไฟ เว้นแต่ตึกที่อยู่ในเขตธุรกิจที่ยังมีพนักงานทำงานอยู่ก็จะยังเปิดได้ 

ทว่า แต่ละตึกจะมีเวลากำหนดเปิดปิดไฟไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าตั้งอยู่ในโซนใดของ 3 โซนแสงสว่าง

• เขตที่อยู่อาศัยและพื้นที่อนุรักษ์ต่าง ๆ จะเปิดไฟได้ถึง 22.00 น. 
• เขตท่องเที่ยงและพิพิธภัณฑ์จะเปิดไฟได้ถึง 23.00 น. 
• และเขตร้านค้า  และสถานีขนส่งต่าง ๆ จะเปิดไฟได้ถึง 00.00 น. เท่านั้น

ทาง City of London Corporation ก็หวังว่าการลดการเปิดไฟที่ไม่จำเป็นนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ จุดศูนย์กลางของเมือง มุ่งสู่เป้าปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2040 ได้ 

ทราบหรือไม่ว่า เรื่องของแสง ไฟในยามค่ำคืน แม้จะยังไม่มีคนมาพูดถึงปัญหาเรื่องนี้มากนักแต่แท้ที่จริงแล้ว แสงต่างๆ  มีผลต่อสัตว์ทั้งในเรื่องของระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง การขยายพันธุ์ รูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ถูกรบกวน และในมนุษย์เอง  ไฟก็จะไปรบกวนนาฬิกาชีวภาพ ส่งผลต่อฮอร์โมน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และรวมไปถึงสุขภาพจิตอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นทิศทางที่ดี ที่จะมีแนวคิด การลดการใช้แสงแบบนี้ไว้
 

ที่มา theguardian