เปิดทฤษฎีอะไรบ้าง? ที่ทำให้โลกของเราเคยเกิดฝนตกหนักยาวนานถึง 2 ล้านปี
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 234 ล้านปีที่แล้ว ในช่วงปลายของยุคไทรแอสซิก เป็นช่วงเวลาที่เกิดฝนตกตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยโลกยุคนั้นเต็มไปด้วยความร้อนและความชื้น ผลก็คือ ฝนตกยาวนานถึงราว 2 ล้านปี
SHORT CUT
- ช่วงปลายยุคไทรแอสซิก 234 ล้านปีก่อน โลกร้อนชื้น มีมหาทวีปแพนเจีย อุณหภูมิสูงกว่าปัจจุบัน 10°C น้ำทะเลร้อน 47°C
- สาเหตุหลักคือภูเขาไฟระเบิดในอลาสกาและบริทิชโคลัมเบีย ปล่อย CO2 มหาศาล ทำให้โลกร้อน มหาสมุทรเป็นกรด เกิดความชื้นสูง นำไปสู่ฝนตกหนักยาวนาน
- หลังฝนหยุด อุณหภูมิโลกลดลง เกิดการเปลี่ยนแปลงวงจรคาร์บอน สัตว์ยุคใหม่เกิดขึ้น ทะเลฟื้นตัวมีแพลงก์ตอนและปะการังเติบโต
ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 234 ล้านปีที่แล้ว ในช่วงปลายของยุคไทรแอสซิก เป็นช่วงเวลาที่เกิดฝนตกตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยโลกยุคนั้นเต็มไปด้วยความร้อนและความชื้น ผลก็คือ ฝนตกยาวนานถึงราว 2 ล้านปี
ก่อนเกิดฝนตกหนักครั้งใหญ่
ในยุคสมัยนั้นแผ่นดินหลักของโลกใบนี้คือมหาทวีปแพนเจีย ส่วนฤดูฝนก็แสนสั้นและไม่ค่อยตกบ่อยนัก ขณะที่อากาศของโลกร้อนกว่าทุกวันนี้ราว 10 องศาเซลเซียส และน้ำทะเลอยู่ที่ 47 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนกว่าน้ำทั่วไป
ขณะที่สิ่งมีชีวิตก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตยุคโบราณ เช่น แมลง สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และไดโนเสาร์ที่มีชีวิตอยู่ในยุคแรกๆ โดยสัตว์เลื้อยคลานเป็นคนปกครองพื้นที่ ขณะที่ไดโนเสาร์ตัวเล็กเป็นเหมือนเด็กมาใหม่
ทฤษฎีที่เป็นไปได้ของสาเหตุฝนตก
ทฤษฎีหลักของการเกิดฝนตกหนักยาวนานเช่นนั้น อย่างแรกก็คือการปะทุของภูเขาไฟรอบๆอลาสกาและบริทิชโคลัมเบีย ส่งปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก
นี่คือสาเหตุก็การทำให้โลกร้อนเป็นเวลายาวนาน และยังทำให้มหาสมุทรกลายเป็นกรด สภาวะดังกล่าวก่อให้เกิดความชื้นมหาศาล นำไปสู่การเกิดฝนตกครั้งใหญ่
ภูเขาไฟเหล่านั้นมีอิทธิพลมากพอที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของวงจรน้ำและคาร์บอน อีกทั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตลอดกาล ระหว่างการเกิดฝนตกหนัก สิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ล้มตายไป ในจำนวนดังกล่าวรวมถึงสัตว์ทะเลราว 1 ใน 3 เลยทีเดียว จาโคโป ดัล คอร์โซ นักธรณีวิทยาเปิดเผยว่า มันเหมือนกับการชาร์จแบตเตอรีครั้งใหญ่
แต่ก็มีบางทฤษฎีของนักบรรพชีวินวิทยาที่ชี้ว่า แนวภูเขาใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุของปัญหานี้ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงกดดันจำนวนมหาศาลระหว่างพื้นดินและมหาสมุทร
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อในทฤษฎีภูเขาไฟระเบิดมากกว่า
การค้นพบหลักฐานฝนตก 2 ล้านปี
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบหลักฐานเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อช่วงยุค 1970 โดยนักธรณีวิทยาทำการศึกษาหินที่เทือกเขา Northern Limestone Alps ในออสเตรีย และพวกว่า พวกมันมาจาก 234 ล้านปีที่แล้ว แต่หินดังกล่าวแสดงหลักฐานให้เห็นว่า พวกมันจมอยู่กับความเปียกชื้นมาเป็นเวลานาน ทั้งๆที่ในช่วงเวลาดังกล่าว อากาศควรจะร้อนและแห้ง และตามปกติแล้ว หินจากยุคดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นหินทรายสีแดง
บรรดานักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มศึกษาพื้นดินอื่นๆ และเริ่มหินลักษณะเดียวกันนี้ที่เปียกชื้นกว่าปกติทั้งในอิสราเอล อิตาลี และรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ
เกิดอะไรขึ้นกับโลกหลังเกิดฝนตกหนักหยุด
เมื่อฝนหยุดตก หลังผ่านการเกิดน้ำท่วมใหญ่ อุณหภูมิโลกก็เริ่มลดลง และคงที่อยู่ในระดับที่เย็นกว่าเมื่อก่อน โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ฝนครั้งนั้นสร้างผลดีให้กับโลกใบนี้มากกว่าผลร้าย เพราะโลกของเราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในหลายวงจร รวมถึงวงจรของก๊าซคาร์บอน ส่วนเหล่าไดโนเสาร์เริ่มขยายพันธุ์มีวิวัฒนาการ ขณะที่สัตว์เลื้อยคลานลดจำนวนลง เหล่าบรรพบุรุษของสัตว์ในยุคสมัยใหม่เถือกำเนิดขึ้น เช่น เต่าและจระเข้ ขณะที่ทะเลที่มีสภาพเป็นกรดก็เริ่มมีแพลงก็ตอนและแนวปะการังเติบโต
ที่มา
