การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำไฟป่าเกาหลีใต้เสี่ยงเกิดสูงขึ้น

นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ไฟป่าครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของเกาหลีใต้ในเดือนมีนาคม มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้ง่ายและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติประเภทนี้อาจเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น หากอุณหภูมิโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคม สถานการณ์ไฟไหม้ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ได้ลุกลามนานเกือบหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย อาคารบ้านเรือนพังเสียหายราว 5,000 หลัง ก่อนที่จะควบคุมได้ในช่วงปลายเดือน

ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ไปกว่า 104,000 เฮกตาร์ (257,000 เอเคอร์) ซึ่งถือว่าลุกลามใหญ่กว่าฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในเกาหลีใต้เมื่อ 25 ปีก่อนเกือบ 4 เท่า

ทีมนักวิจัย 15 คนจากกลุ่ม World Weather Attribution กล่าวหลังประมวลผลข้อมูลจากการสังเกตการณ์และการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้เกาหลีใต้มีสภาพอากาศที่ร้อน แห้งแล้งและมีลมแรงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าและรุนแรงขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โดยปกติแล้วเกาหลีใต้จะประสบกับฤดูหนาวที่หนาวเย็นและแห้งแล้ง และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคมและเมษายน ทำให้ประเทศมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ในช่วงเวลาดังกล่าวของปี 

ส่วนปีนี้ อุณหภูมิเฉลี่ยระหว่างวันที่ 22-26 มีนาคม สูงกว่าปกติทางตะวันออกเฉียงใต้ 10 องศาเซลเซียส และความกดอากาศต่ำและสูงทางเหนือและใต้ ได้ก่อให้เกิดลมแรงที่ช่วยให้ไฟลุกลามเร็วกว่าเดิม

ปัญหาสำคัญคือ สภาพอากาศที่ทำให้เกิดไฟไหม้ป่าอาจกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นหากภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะปัจจุบัน และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1.3 องศาภายในปี 2100

ไฟป่าครั้งนี้ยังทำให้เกิดความกังวลว่าโครงการปลูกต้นไม้ครั้งใหญ่ของเกาหลีใต้นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ทำให้ประเทศเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้มากขึ้น และการจัดการป่าไม้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรับมือกับความท้าทายจากความร้อนจัด ก่อนที่ไฟป่าจะรุนแรงจนแม้แต่น้ำจากเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถดับได้