svasdssvasds

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ 'คลื่นความร้อน'

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ 'คลื่นความร้อน'

คนส่วนใหญ่มักจะจำภาพของญี่ปุ่นที่มีหิมะขาวโพลนหรือดอกซากุระบานสะพรั่ง แต่ความจริงญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศที่ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อน จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

เมื่อปี 2024 มีมากกว่า 10 เมืองของญี่ปุ่น ที่ต้องเผชิญกับวันที่มีอุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียส นานกว่า 50 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนสูงถึง 2,033 ราย ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคบมีการบันทึก

ข้อมูลจากสำนักงานดับเพลิงโตเกียวระบุด้วยว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคลมแดด ผู้ป่วยเกินครึ่งมีอายุมากกว่า 65 ปี โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 80 ปีมีจำนวนมากที่สุด ที่สำคัญคือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดดมากที่สุดก็คือภายในที่พักอาศัยส่วนตัว 38% ถนน 19% พื้นที่สาธารณะกลางแจ้ง 13% และสถานที่ทำงาน 10.1%

ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็นับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่รับมือกับคลื่นความร้อนได้ดีมาก ด้วย "มาตรการรับมือคลื่นความร้อน" ที่ครอบคลุมทุกสถานที่ ตั้งแต่ในบ้านไปจนถึงสถานที่ทำงาน

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ \'คลื่นความร้อน\'

การรับมือความร้อนในครัวเรือน
กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นเผยว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคลมแดดที่บ้านเกือบ 90% คือการไม่มีเครื่องปรับอากาศ ทำให้รัฐบาลมองว่าการเข้าถึงระบบทำความเย็นได้ในราคาที่เหมาะสมนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ทั้งยังยกเลิกการขอความร่วมมือด้านการประหยัดพลังงานในช่วงฤดูร้อนด้วย

รัฐบาลมหานครโตเกียวยังเสนองบประมาณเติม สำหรับยกเว้นค่าบริการน้ำประปาพื้นฐานสำหรับทุกครัวเรือนเป็นเวลาสี่เดือนในช่วงฤดูร้อน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น

การรับมือความร้อนในสถานที่ทำงาน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2025 มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่ เรื่อง “การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในอุตสาหกรรม” ที่ระบุให้นายจ้างต้องดูแลและปกป้องลูกจ้างไม่ให้เกิดอันตรายจากคลื่นความร้อนและโรคลมแดด เพื่อยกระดับความปลอดภัยในที่ทำงาน

กฎระเบียบดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุม “งานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมแดด” ได้แก่ กรณีที่ความร้อนในสภาพแวดล้อมการทำงาน (WBGT) เท่ากับหรือมากกว่า  28 °C หรือมีอุณหภูมิเท่ากับหรือมากกว่า  31 °C และงานที่ใช้ระยะเวลานานกว่าชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง หรือนานกว่า 4 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป

โดยนายจ้างมีหน้าที่ต้อง 'ติดตั้งระบบแจ้งเตือน' เพื่อให้พนังงานสามารถรายงานได้ทันทีเมื่อมีอาการของโรคลมแดด และ 'จัดเตรียมแนวปฏิบัติฉุกเฉิน' กรณีมีผู้ป่วยโรคลมแดดระหว่างทำงาน เช่น ให้พนักงานหยุดพัก ออกจากพื้นที่ทำงานทันที หรือ ดำเนินการส่งไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเมื่อจำเป็น ทั้งยังต้องประชาสัมพันธ์แนวทางเหล่านี้ให้พนักงานรับรู้เพื่อร่วมมือปฏิบัติตามด้วย

ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม จะถือว่าละเมิดพระราชกฤษฎีกาด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย มีโทษตามกฎหมายด้วยการปรับสูงสุดถึง 5 ล้านเยน หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ \'คลื่นความร้อน\'

นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมในระดับท้องถิ่น เช่น โครงการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป พร้อมแจกเครื่องดื่มเกลือแร่ฟรีและตรวจสอบความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย เพื่อป้องกันโรคลมแดดและเสริมสร้างเครือในท้องถิ่นสำหรับกลุ่มเปราะบาง

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ \'คลื่นความร้อน\'

ขณะที่คลื่นความร้อนกำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ปกติที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยเราเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การเตรียมแผนรับมือต่อความเสี่ยงของคลื่นความร้อนที่จะรุนแรงจนคุกคามชีวิตมากขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ปกป้องกลุ่มเปราะบางจากความเจ็บป่วย และเพิ่มความพร้อมในชีวิตประจำวันเพื่อรับมือคลื่นความร้อนที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต