svasdssvasds

WMO เตือน "คลื่นความร้อนสุดขั้ว" ส่งผลกระทบรุนแรงหลายล้านคนทั่วโลก

WMO เตือน "คลื่นความร้อนสุดขั้ว" ส่งผลกระทบรุนแรงหลายล้านคนทั่วโลก

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนว่าคลื่นความร้อนสุดขั้วกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้คนนับล้านคนทั่วโลก ก่อให้เกิดภัยพิบัติอื่นตามมา เร่งพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพ

SHORT CUT

  • องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนว่าคลื่นความร้อนสุดขั้วกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้คนนับล้านคนทั่วโลก
  • หลายภูมิภาคในยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเผชิญอุณหภูมิสูงทำลายสถิติ โดยบางพื้นที่ในอิหร่านและอิรักร้อนเกิน 50 องศาเซลเซียส
  • ผลกระทบจากคลื่นความร้อนยังก่อให้เกิดภัยพิบัติอื่นตามมา เช่น ไฟป่ารุนแรงในยุโรปและอเมริกาเหนือ และการละลายของน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก
  • WMO และหน่วยงานพันธมิตรกำลังเร่งพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เตือนว่าคลื่นความร้อนสุดขั้วกำลังส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้คนนับล้านคนทั่วโลก ก่อให้เกิดภัยพิบัติอื่นตามมา เร่งพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าและแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพ

สถานการณ์คลื่นความร้อนในปัจจุบันนับเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ออกมาเตือนว่าคลื่นความร้อนสุดขั้ว หรือ extreme heat กำลังส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปหรือภูมิภาคอื่นๆ สถานการณ์เหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือ และเร่งพัฒนาแผนปฏิบัติการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความร้อน

สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในหลายภูมิภาค

คลื่นความร้อนได้กลายเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากข้อมูลของ WMO พบว่าหลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นจนทุบสถิติในหลายพื้นที่

  • เดือนกรกฎาคมร้อนติดอันดับ สำนักบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส (C3S) ของสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่าเดือนกรกฎาคม 2025 เป็นเดือนกรกฎาคมที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากปี 2023 และ 2024 ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มอุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่ได้ลดลงเลย
  • น้ำแข็งละลาย สัญญาณเตือนภัย นอกจากคลื่นความร้อนบนบกแล้ว อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลก็พุ่งสูงขึ้นเป็นอันดับสามในประวัติการณ์ ขณะที่ปริมาณน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกอยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นอันดับสองในรอบ 47 ปี สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก
  • ยุโรปเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลายประเทศในยุโรปเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะสวีเดนและฟินแลนด์ที่ต้องรับมือกับอุณหภูมิที่สูงกว่า 30 องศาเซลเซียสอย่างผิดปกติ เช่นเดียวกับยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ที่ประสบปัญหาคลื่นความร้อนและไฟป่าในเวลาเดียวกัน

คลื่นความร้อนในเอเชียและแอฟริกา สูงถึง 42-45 องศา

หลายพื้นที่ในทวีปเอเชีย และแอฟริกาต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรงจนทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

อุณหภูมิเกิน 42°C หลายพื้นที่ในเอเชียตะวันตก, เอเชียกลางตอนใต้, แอฟริกาเหนือ, ปากีสถานตอนใต้ และทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ตรวจวัดอุณหภูมิสูงสุดได้สูงกว่า 42 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิเกิน 45°C ในบางพื้นที่ อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นไปถึง 45 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ

อิหร่าน-อิรัก ร้อนระอุเกิน 50 องศา

สถานการณ์ในอิหร่านและอิรักนับว่ารุนแรงที่สุด โดยทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่านและทางตะวันออกของอิรักมีการตรวจวัดอุณหภูมิสูงสุดได้สูงเกิน 50 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิต

  • กระทบโครงสร้างพื้นฐาน ความร้อนที่รุนแรงทำให้เกิดปัญหาในการ จ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา
  • กระทบการศึกษาและแรงงาน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การเรียนการสอนของนักเรียนต้องหยุดชะงัก และยังกระทบต่อการทำงานของแรงงานกลางแจ้ง

จากรายงานการพยากรณ์อากาศ คาดว่าภูมิภาคเหล่านี้จะยังคงต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนต่อไปอีกหลายวัน ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนรับมือและการดูแลสุขภาพเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ไฟป่าในยุโรปและอเมริกาเหนือ ภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้น

ไฟป่าที่เกิดจากคลื่นความร้อนได้สร้างผลกระทบที่น่ากังวลในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปหรือทวีปอเมริกาเหนือ

ในภูมิภาคยุโรป ไฟป่าได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงในหลายประเทศ เช่น ไซปรัส กรีซ และตุรกี ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้อง อพยพหนีไฟออกจากบ้านเรือน และมีรายงานผู้เสียชีวิตหลายราย

แม้แต่ในทวีปอเมริกาเหนือ ไฟป่าในแคนาดาช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม ก็ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในด้าน คุณภาพอากาศ ที่ย่ำแย่ลงในหลายมณฑลของแคนาดาเอง และยังลามไปถึงบางส่วนของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

เดินหน้าพัฒนามาตรการรับมือเพื่อความปลอดภัย

เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่รุนแรงขึ้น องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเร่งพัฒนาและปรับปรุงระบบเตือนภัย

ระบบเตือนภัยล่วงหน้า

WMO และประเทศสมาชิกมุ่งมั่นที่จะพัฒนา ระบบเตือนภัยคลื่นความร้อนล่วงหน้า (Early Warning System) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันท่วงที

แผนปฏิบัติการเพื่อสุขภาพ

มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทุกระดับเพื่อขับเคลื่อน แผนปฏิบัติการเกี่ยวกับคลื่นความร้อน-สุขภาพ เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากภัยธรรมชาติที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

การร่วมมือกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเตรียมพร้อมและรับมือกับภัยธรรมชาติที่มาพร้อมกับคลื่นความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา : China Xinhua News

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related