SHORT CUT
นาซาเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นเกาะขนาดเล็กแห่งใหม่ในอลาสกา หลังอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้ธารน้ำแข็งละลายจนกลายเป็นทะเลสาบ
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา (NASA) เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ที่แสดงให้เห็นพื้นที่บริเวณธารน้ำแข็งที่กำลังละลายในอลาสกาตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อให้เกิด 'เกาะแห่งใหม่' ท่ามกลางทะเลสาบอัลเซก (Alsek)
เกาะที่มีขนาดเพียง 5 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ เดิมเคยเป็นภูเขาเล็กๆ ที่รู้จักกันในชื่อ 'พราวน็อบ' (Prow Knob) ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางธารน้ำแข็งที่หนาวเย็น ก่อนที่อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแอ่งทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มียอดเขาพราวน็อบเป็นเกาะโดดเดี่ยว ถูกผืนน้ำค่อยๆ ไหลท่วมและตัดขาดจากแผ่นดิน
นาซาย้ำว่า การละลายอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดขนาดนี้ เป็นผลมาจาก 'ภาวะโลกร้อน' และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
นอกเหนือจากการสร้างเกาะใหม่แล้ว การเปลี่ยนแปลงกะทันหันของขอบเขตธารน้ำแข็งยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทะเลสาบอัลเซก โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ทะเลสาบมีพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 45 ตารางกิโลเมตร เป็น75 ตารางกิโลเมตร เมื่อละลายรวมกับธารน้ำแข็งฮาร์เลควินและแกรนด์เพลโต จึงยิ่งมีขนาดเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้วนักธรณีวิทยาเคยออกมาเตือนว่า อลาสกากำลังกลายเป็น 'เขตทะเลสาบแห่งใหม่' ของโลก ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกแก่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก เพราะการละลายอย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันที่สร้างความเสียหายได้
ธารน้ำแข็งทั่วโลกละลายเร็วแค่ไหน?
นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ทำให้ธารน้ำแข็งละลายเร็วกว่าปกติ ซึ่งปัจจุบันธารน้ำแข็ง 275,000 แห่งได้กักเก็บน้ำจืดไว้มากถึงร้อยละ 70 ของโลก
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามนุษย์หลายคนจะไม่สามารถอยู่รอดผ่านพ้นศตวรรษที่ 21 ไปได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งบนโลกกำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว ปล่อยน้ำจืดจำนวน 2 แสนล้านตันลงในมหาสมุทรทุกปี ในขณะที่ธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียมวลไปเฉลี่ยร้อยละ 5 ธารน้ำแข็งในยุโรปกลางกลับหดตัวลงไปแล้วเกือบร้อยละ 40