svasdssvasds

จับตา ! "ราคาน้ำมันตลาดโลก" พุ่ง มีโอกาส...สะเทือนมาถึงไทยได้

จับตา ! "ราคาน้ำมันตลาดโลก" พุ่ง มีโอกาส...สะเทือนมาถึงไทยได้

ช่วงนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เรื่องของราคาน้ำมันตลาดโลกที่จะปรับตัวสูงขึ้น หลังจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโอเปกพลัสลดกำลังผลิต ซึ่งมีโอกาส...จะสะเทือนมาถึงไทย กระทบกับธุรกิจ และประชาชน

ราคาน้ำมันตลาดโลก มีผลอย่างมากกับประเทศเล็กๆอย่างไทย เพราะหากราคาน้ำมันบ้านเราปรับขึ้นตามราคาน้ำมันตลาดโลก แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ล่าสุดเหมือนจะมีข่าวร้ายว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสทะยานขึ้นอีก โดยนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า จีนมีแนวโน้มความต้องการใช้เชื้อเพลิงสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับสัญญาณความต้องการใช้มันดิบดึงตัวจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส นำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย โดยซาอุฯ ได้ขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2566

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พร้อมกันนี้ได้มีประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ส่งมายังคู่ค้าในเอเชียอีกด้วย ในขณะที่รัสเซียได้ลดการส่งออกน้ำมันกว่า 500,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 จนถึงสิ้นปี ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงกว่าร้อยละ 1.5 อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ยังคงชะลออุปสงค์น้ำมันโลกโดยรวม

ราคาน้ำมันตลาดโลกมีโอกาสปรับตัว

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (วันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2566) ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 80.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 75.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 0.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

โดยยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายน 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเพียง ร้อยละ 0.2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศลดลงร้อยละ 0.5 นอกจานี้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากการปรับลดกลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือนมิถุนายน 2566 กว่า 10.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับความคาดหวังว่าจีนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย

 

จะพามทาส่องดุราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชียราคาน้ำมันเบนซิน: ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 100.91เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 95.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 97.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 4.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 4.26 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 4.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ International Enterprise Singapore (IES) ได้รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ลดลง 0.86 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 12.18 ล้านบาร์เรล ด้าน Petroleum Association of Japan (PAJ) ได้รายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่น สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ลดลง 0.26 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 9.42 ล้านบาร์เรล ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้รายงานอุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 เพิ่มขึ้น 99,000 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 8.86 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ร้อยละ 1.4

ราคาน้ำมันดีเซล: ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 101.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  โดย International Enterprise Singapore (IES) ได้รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ลดลง 0.02 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 7.85 ล้านบาร์เรล และ Joint Organizations Data Initiative (JODI) ได้รายงานปริมาณการส่งออกซาอุดีอาระเบีย ในเดือนพฤษภาคม 2566 ลดลงร้อยละ 20.2 มาอยู่ที่ 632,000 บาร์เรล/วัน

นายวัฒนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.58 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 34.4056 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.55 บาท/ลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง 0.02 บาท/ลิตร ส่งผลต่อค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 2.44 บาท/ลิตร ส่วนฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 42,632 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 93,070 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 5,323 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG 45,115 ล้านบาท

 

 

related